การบินโลกรับมาตรฐานคาร์บอนเครดิตไทย เซฟ200ล้านแอร์ไลน์แห่ซื้อตลาดในประเทศ

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มีเป้าหมายเพื่อผลักดันการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ผลิตจากแหล่งหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน และมีเป้าหมายสำคัญคือการบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
ล่าสุดในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 42 ของ ICAO แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2025 ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา มีผู้แทนจากประเทศสมาชิกสูงสุดถึง 193 ประเทศเข้าร่วม ได้ตอกย้ำการผลักดันให้การบินระหว่างประเทศลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งเป้าลดลง 5% ภายในปี 2030 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
อย่างไรก็ตาม ตามกรอบนโยบายโลกด้านเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels -SAF) กลับพบว่าแหล่งผลิตส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งปัจจุบันจีนเองก็มีความต้องการใช้ SAF จึงต้องการจะผลิตใช้เป็นของตัวเองมากขึ้น ทำให้ปริมาณที่เหลือสำหรับตลาดโลกในตอนนี้มีน้อยลง และกำลังประสบปัญหาแข่งขันในตลาด ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินในตอนนี้หลายสายการบินเริ่มปรับตัวนอกจากใช้เชื้องเพลิง SAF ก็ยังหันไปใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้บริการทางวิชาการ และกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวัด การรายงาน และการทวนสอบ และให้การรับรองปริมาณการปล่อย การลด/กักเก็บ และการชดเชยก๊าซเรือนกระจก (GHG Certify Body) รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง เป็นศูนย์กลางข้อมูลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ดำเนินงานด้านก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนให้คำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เผยแพร่และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ไทยร่วมแผนชดเชยคาร์บอนภาคการบินโลก
ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ TGO กล่าวว่า ตามที่ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย มาตรฐานขั้นสูง (Premium T-VER) ของ อบก. เป็นมาตรฐานที่สามารถนำคาร์บอนเครดิตไปใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ภายใต้กลไก Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation (CORSIA) ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2567–2569)
ทั้งนี้ ต้องเป็นโครงการที่เริ่มคิดเครดิตตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2564 – 31 ธ.ค. 2569 โดยผู้พัฒนาโครงการต้องได้รับหนังสืออนุญาตการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศไทยจะดำเนินการปรับบัญชีก๊าซเรือนกระจกและรายงานการใช้คาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทยชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศในรายงานความโปร่งใสรายสองปี (Biennial Transparency Report: BTR) ของประเทศไทย เพื่อยืนยันความโปร่งใสและความรับผิดชอบของประเทศไทยต่อประชาคมโลก
คาร์บอนเครดิต11โครงการได้มาตรฐาน
สำหรับประเภทโครงการที่เข้าร่วม CORSIA รวม 11 กิจกรรม ได้แก่ 1.การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อจำหน่ายเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้า 2.การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อใช้เองและ/หรือจำหน่ายตรง 3.การผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วมจากชีวมวลเพื่อจำหน่าย 4.การเปลี่ยนยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นยานยนต์ไฟฟ้า 5.การจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเพื่อทดแทนการฝังกลบ
6.การกักเก็บก๊าซมีเทนจากการบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์หรือเผาทำลาย 7.กิจกรรมการปลูกป่า (ยกเว้นพื้นที่ชุ่มน้ำ)
8.กิจกรรมปลูกป่าชายเลน 9. กิจกรรมการฟื้นฟูป่าชายเลนและหญ้าทะเล 10.กิจกรรมการปรับปรุงการจัดการป่าไม้ 11.กิจกรรมการจัดการพื้นที่การเกษตรที่ดี
ทั้งนี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้คาดการณ์ความต้องการคาร์บอนเครดิตที่จะใช้ใน CORSIA ระยะที่ 1 เป็นจำนวนประมาณ 146–236 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2eq) ในช่วงระยะเวลา 3 ปี โดยปัจจุบันมีเพียง 1 มาตรฐาน Architecture for REDD+ Transactions (ART) เป็นโครงการของประเทศกายอานา ที่มีคาร์บอนเครดิตพร้อมขายเข้าสู่ตลาดแล้ว จำนวนประมาณ 4.64 MtCO2eq และเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีประเภทโครงการ Biomass ปริมาณประมาณ 1.5 MtCO2eq และประเภท Cookstove ปริมาณประมาณ 0.18 MtCO2eq จากมาตรฐาน Gold Standard ที่กำลังเข้าสู่ตลาด ส่งผลให้อุปทาน (Supply) ขณะนี้มีอย่างจำกัดสวนทางอุปสงค์ (Demand) สูงและมีความต้องการเพิ่มขึ้น
หวังแอร์ไลน์ซื้อเครดิตในประเทศ
ดังนั้นตาม ข้อมูลการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Futures Contract) จากศูนย์ซื้อขาย ICE (Intercontinental Exchange) ตั้งอยู่ที่สหรัฐราคาอยู่ที่ 15-21 ดอลลาร์/ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (USD/tCO2eq)
โดยเดือน ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา สมาคมสายการบินประเทศไทยได้หารือกับ TGO และได้นำส่งแผนการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยตามมาตรการ CORSIA ระยะที่ 1 จาก 5 สายการบินสมาชิกที่ดำเนินการในประเทศไทย พบว่า มีความต้องการซื้อโดยคาดการณ์รวม 3 ปี ปริมาณมากกว่า 400,000 tCO2eq ซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทย หากซึ้อ Premium T-VER ได้ ช่วยป้องกันการรั่วไหลเงินออกนอกประเทศกว่า 6-8.4 ล้านดอลลาร์ (อ้างอิงราคาของการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า) หรือกว่า 192–268.8 ล้านบาท







