‘ภาษีทรัมป์’หนุนไทยชิงตลาดกุ้งใน‘สหรัฐ’ แนะจัดงบ5พันล้านแก้‘โรค-เพิ่มผลผลิต’

‘ภาษีทรัมป์’หนุนไทยชิงตลาดกุ้งใน‘สหรัฐ’  แนะจัดงบ5พันล้านแก้‘โรค-เพิ่มผลผลิต’

กุ้งไทยผลผลิต 2.7 แสนตัน หลังโรครุม วอนรัฐช่วยผู้เลี้ยงภาคใต้ 1,000 ล้านบาท จัดงบให้กรมประมง 5,400ล้านบาท เป้าเพิ่มผลผลิต 4 แสนตัน ขณะภาษีทรัมป์ทุบคู่แข่งอินเดียอ่วม60% เพิ่มโอกาสไทยส่งออกปี 69 ฟื้น

 นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย เปิดเผยว่า  ผลผลิตกุ้งไทยปี 2568 มีปริมาณ 2.7 แสนตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงต้นปีและปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงของเกษตรกร โดยเฉพาะคุณภาพน้ำและโรคระบาด  ทำให้เกิดโรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว เกษตรกรจึงจับกุ้งเร็วกว่ากำหนด รวมถึงมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่สร้างความเสียหายรุนแรงในพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี โดยสัดส่วนผลผลิตหลักมาจากภาคใต้ตอนบน มีสัดส่วน 37% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน 62,000 ตัน คิดเป็น 23% ภาคตะวันออก 19% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 11% และภาคกลาง 10% โดยทุกภาคมีผลผลิตใกล้เคียงกับปีผ่านมา

‘ภาษีทรัมป์’หนุนไทยชิงตลาดกุ้งใน‘สหรัฐ’  แนะจัดงบ5พันล้านแก้‘โรค-เพิ่มผลผลิต’

ปี68 ส่งออกแล้ว1.06 แสนตันโกย3.2หมื่นล้าน

 

สำหรับภาพรวมการส่งออกกุ้ง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2568 )  1.06 แสนตัน ปรับตัวลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งปริมาณ และมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาทจากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลต่อตลาดคู่ค้าสำคัญทั้งญี่ปุ่น จีน และสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตลาดในประเทศเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ จากสถานการณ์การบริโภคกุ้งที่ดีขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนการบริโภคกุ้งในประเทศคิดเป็นประมาณ 15% ของผลผลิตกุ้งทั้งหมด

“ราคากุ้งปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ผลจากการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคากุ้งครึ่งปีแรกสูงขึ้น 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นแรงจูงใจในการลงกุ้งเพิ่ม แต่ในปลายไตรมาส 3 ราคากุ้งอ่อนตัวลงเล็กน้อย 5-10% เพราะปริมาณฝนมากขึ้นเกษตรกรจึงเร่งจับกุ้งก่อนกำหนด”

สำหรับสถานการณ์ผลผลิตกุ้งโลก ปี 2568 คาดว่าจะมีปริมาณ 5.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% โดยประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยเฉพาะเอกวาดอร์ ผลิต 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% ตามด้วย จีน ผลิตได้ 1.34 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่สถานการณ์ผลผลิตกุ้งไทย ปี 2568 มีปริมาณ 2.7 แสนตันทรงตัวเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา

‘ภาษีทรัมป์’หนุนไทยชิงตลาดกุ้งใน‘สหรัฐ’  แนะจัดงบ5พันล้านแก้‘โรค-เพิ่มผลผลิต’

น้ำท่วมภาคใต้เสียหายแล้วพันล้าน

“ส่วนผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ สงขลา พัทลุง และปัตตานี ทางสมาคมอยู่ระหว่างการประเมินคาดการเบื้องต้นว่ามีความเสียหายจากการสูญเสียกุ้งในบ่อประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปริมาณผลผลิตจากพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของผลผลิตทั้งหมด แต่นอกจากความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งในบ่อแล้ว ยังมีความเสียหายของเครื่องตีน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ ในฟาร์ม ซึ่งอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน ในการจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ทันในครอปหน้า”

ทั้งนี้ ทางสมาคมฯจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ช่วยเหลือผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในเขตภาคใต้ดังกล่าว เบื้องต้นมีความเสียหายโดยสิ้นเชิงจำนวน 1 หมื่นราย จากทั้วประเทศที่มีผู้เลี้ยงกุ้งทั้งสิน 3 หมื่นราย คาดว่าหากรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณตามความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ1,000 ล้านบาทจะส่งผลให้เกษตรกรฟื้นตัวได้ และมีความพร้อมจะปรับเปลี่ยนระบบการเลี้ยงเป็นกุ้งLow Co2 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มความต้องการของตลาดโดยเฉพาะ ใน อียู และสหรัฐ หากไทยประบตัวได้ก่อนจะทำให้กุ้งมีราคาสูงขึ้นและยกระดับเป็นกุ้งพรีเมี่ยม 

ไทยได้เปรียบภาษีทรัมป์โอกาสคว้าตลาดใหญ่

ส่วนในปี 2569 เป็นปีที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นจุดพลิกฟื้นอุตสาหกรรม มีปัจจัยที่เอื้อให้กุ้งไทยมีโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะอัตราภาษีตอบโต้ หรือ Reciprocal ในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐ ที่ปรับขึ้นอัตราภาษีการนำเข้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงมาตรการภาษี AD, CVD ซึ่งทำให้อินเดียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง แต่ต้องเสียภาษีรวมสูงถึง 50-60% เทียบกับไทยที่มีอัตราภาษีเพียง 19% ซึ่งจะทำให้ไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคามากขึ้น จากกุ้งของอินเดียที่หายไปจากตลาดสหรัฐ 3 แสนตัน กุ้งไทยสามารถเข้าไปแทนในส่วนนี้ได้

สมาคมฯ ขอเสนอให้ภาครัฐเร่งผลักดันการแก้ปัญหาการผลิตกุ้ง ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเพิ่มผลผลิตกุ้งคุณภาพให้ได้ตามเป้า 4 แสนตัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ห้องเย็นในการรับออร์เดอร์ เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศนำเข้ากุ้ง ได้แก่ สหภาพยุโรป อังกฤษ และเกาหลีใต้ พร้อมทั้งยกระดับการฟาร์มกุ้งให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสากลที่ตลาดต้องการ รวมถึงการดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความยั่งยืนมากขึ้น

แนะรัฐควัก5พันล้านแก้จุดอ่อน‘โรคระบาด-ผลผลิตน้อย’

“และฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ต้องมีการกำหนดนโยบายภาคการเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมกุ้ง ให้กลับมามีความเข้มแข็ง และพ้นจากหล่มผลผลิต 2.7 แสรตันให้ได้เพราะที่ผ่านมาไทยติดอยู่กับปัญหาโรคกุ้ง จนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปี 2569 เป็นปีที่ตลาดเปิดเต็มที่ แต่เราต้องผลิตกุ้งให้ได้ เพื่อคว้าโอกาสทางการตลาดนี้กลับมา"  

นายเอกพจน์ กล่าวว่า   ซึ่งรัฐบาลควรจะจัดงบประมาณให้กรมประมง 5,400ล้านบาท สำหรับการวิจัย แก้ปัญหาโรคระบาดที่เป็นอุปสรรค จะทำให้ผลผลิตกุ้งเป็นไปตามเป้าหมาย 4 แสนตันได้ โดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ที่เริ่มฟื้นตัวผลิตได้มากขึ้นอัตรารอดสูง ต้นทุนต่ำกว่า ช่วงการเก็บเกี่ยวสั้น รสชาติดีเป็นที่ต้องการของตลาดในราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับกุ้งขาวแวนนาไม ที่สำคัญคู่แข่งน้อย จะส่งผลให้ไทยสามารถฟื้นอุตสาหกรรมกุ้งได้เร็วขึ้น