'กอบศักดิ์' เร่งรัฐอุดช่องโหว่การแข่งขัน ฉีกกม.เก่า ก่อนพลาดขบวนลงทุนโลก

"ดร.กอบศักดิ์" ส่งสัญญาณเตือน “วิกฤติของชีวิต” เร่งรัฐบาลใหม่อุดช่องโหว่การแข่งขัน-ทลายกฎหมายล้าสมัย ก่อนพลาดขบวนลงทุนโลก
KEY
POINTS
- ดร.กอบศักดิ์ เตือนว่าไทยกำลังเผชิญ "วิกฤตของชีวิต" และเสี่ยงตกอันดับเศรษฐกิจในอาเซียน แม้จะมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า แต่ประเทศมีปัญหาเชิงโครงสร้างภายในเปรียบเหมือน "แหที่มีปัญหา" ทำให้ไม่สามารถรับโอกาสได้เต็มที่
- เสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งอุดช่องโหว่ 3 ด้าน คือ ลดผลกระทบจากปัจจัยภายนอก, สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ และแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อคว้าโอกาสจากการลงทุนโลก
- ชูข้อเสนอให้ปฏิรูปกฎหมายแบบ "เหมาเข่ง" โดยให้ยกเลิกกฎหมายที่มีอายุเกิน 30 ปีโดยอัตโนมัติ เพื่อขจัดอุปสรรคและความล่าช้าในระบบราชการ
- ย้ำว่าหากไม่เร่งตัด "ตอ" ในระบบราชการและปฏิรูปกฎหมายเก่า ประเทศจะเสี่ยงพลาดขบวนการย้ายฐานการลงทุนที่สำคัญของโลก
วันนี้ (28 พ.ย.) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการมใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Spotlight Day 2025 "New World Order เศรษฐกิจไทยในระเบียบโลกใหม่" หัวข้อ Executive Roundtable/Driving in the Wave of Deglobalization จัดโดย SPOTLIGHT ว่า ภาคเอกชนกำลังก้าวเข้าสู่หนึ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่สุด เนื่องจากกำลังเผชิญการก่อรูปของระเบียบโลกใหม่ (Emergence of New World Orders) ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจและชีวิตประชาชนอย่างกว้างขวาง
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า “ผมนอนไม่ค่อยหลับทุกคืน” ซึ่งจีนได้ยืนทัดเทียมสหรัฐฯ แล้วอย่างเต็มตัว ทำให้การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจกลายเป็นการแข่งขันของ “คู่ที่เท่าเทียมกัน” (Competition of the Equal) ส่งผลให้เกิดสงครามหลายมิติ ตั้งแต่สงครามการค้า (Trade War) สงครามเทคโนโลยี (Technology War) สงครามทางการเงิน (Financial War) ไปจนถึงสงครามที่เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวเตือนว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าประเทศไทยไม่ใช่วิกฤตทั่วไป แต่เป็น “วิกฤติของชีวิต” และหากประเทศไม่ร่วมกันหาทางออก โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีสูงมาก ซึ่งประเทศกำลังเผชิญความยากลำบากเพิ่มขึ้น โดยจากเดิมที่ไทยเคยเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของอาเซียน ปัจจุบันได้ลดลงมาอยู่ที่อันดับ 3 และมีความเสี่ยงที่ในอนาคตจะถูกฟิลิปปินส์และเวียดนามแซงหน้า จนตกไปเป็นอันดับ 6 ของอาเซียน เหลือเพียงเมียนมาที่ไทยยังมีศักยภาพเหนือกว่า เพราะบุญเก่าหมดแล้ว แต่บุญใหม่ยังไม่มา
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตก็ยังมีโอกาส เนื่องจากเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศกำลังไหลเข้าสู่ไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ขยายตัวจากระดับ 5 แสนล้านบาทต่อปี เป็น 1.13 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.8 ล้านล้านบาทในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติมองไทยในฐานะทำเลยุทธศาสตร์ และมีจุดยืนเป็นกลางในภูมิภาคอาเซียน
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวย้ำว่า หากไทยต้องการจับโอกาสให้ทัน การขับเคลื่อนของรัฐบาลใหม่ต้อง “เร่งเครื่อง” อย่างจริงจัง โดยเสนอ 3 แนวทางหลัก ได้แก่
1. Insulation ลดแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอก ทำให้ประเทศรับผลกระทบน้อยลง
2. สร้างอนาคต สร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ และคว้าโอกาสจาก New Sector
3. Clean Up ภายใน แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ซึ่งยังสะสมอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม แม้เงินลงทุนกำลังไหลมาเหมือน “ปลาเข้าฝั่ง” แต่ปัญหาใหญ่คือ “แหเรามีปัญหา” ทั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ รวมถึงขั้นตอนการอนุมัติที่ยังเต็มไปด้วยอุปสรรค แม้มีแนวคิด Fast Pass แต่ภาคเอกชนยังต้องเผชิญ “หลาย ๆ ตอ” ในหน่วยงานของรัฐ
ดร.กอบศักดิ์ ได้เสนอการปฏิรูปกฎหมายแบบ “เหมาเข่ง” โดยกำหนดให้กฎเกณฑ์ใดที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ให้ยกเลิกโดยอัตโนมัติ เพื่อตัดวงจรที่เจ้าของกฎหมายมักปฏิเสธการปฏิรูปด้วยเหตุผลว่า “ยังจำเป็นต้องใช้”
"ตัวอย่างกฎหมายเก่าแก่ที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน เช่น พระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำสยาม พ.ศ. 2456 ซึ่งสะท้อนความล่าช้าของการปรับปรุงกฎหมายในประเทศไทย หากไทยไม่เร่งตัด ตอ ที่สะสมในระบบราชการ และอุดช่องโหว่เชิงโครงสร้าง ประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะพลาดโอกาสสำคัญในกระแสการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนโลก"







