‘เวิลด์แบงก์’ ชี้น้ำท่วมภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย จี้รัฐยกระดับเป็นปัญหาเร่งด่วน

‘เวิลด์แบงก์’ ชี้น้ำท่วมภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย  จี้รัฐยกระดับเป็นปัญหาเร่งด่วน

“เมลินดา กู้ด” ผู้อำนวยการธนาคารโลกฯ ชี้ น้ำท่วมเป็นภัยคุกคามรากฐานเศรษฐกิจไทย เตือนรัฐยกระดับการแก้ปัญหาเป็นเรื่องเร่งด่วน หากไม่จัดการ สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ  นักลงทุนอาจลังเลตั้งฐานการผลิตในไทยหากจัดการน้ำไม่ดีพอ

นางสาวเมลินดา กู้ด ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยและประเทศเมียนมา กล่าวในหัวข้อ “From Risk to Resillence: World Bank's Vision for Thailand and ASEAN” ในงาน Spotlight Day 2025   "New World Order เศรษฐกิจไทยในระเบียบโลกใหม่"  วันนี้ (28 พ.ย.) จัดโดย SPOTLIGHT ว่า ประเทศไทยจำเป็นที่ต้องจัดการกับปัญหาน้ำท่วมและความมั่นคงทางน้ำอย่างจริงจัง

เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะโอกาสมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดกับประเทศไทย และส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล

ทั้งนี้ เมื่อการประชุม “Sustainability X” เมื่อเร็วๆนี้ นางสาวกู้ดกล่าวว่าธนาคารโลกได้เปิดตัวรายงาน "Country Climate and Development Report (CCDR) CCDR)" ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวสำหรับวิธีการที่ประเทศไทยจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  รายงานนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า

"หากเราไม่จัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเศรษฐกิจจะเกิดความสูญเสียระหว่าง 7 ถึง 14% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ภายในปี 2593"

‘เวิลด์แบงก์’ ชี้น้ำท่วมภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย  จี้รัฐยกระดับเป็นปัญหาเร่งด่วน

“หากประเทศไทยต้องการบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีรายได้สูง และต้องการเห็นการเติบโตที่ยั่งยืน 5% ปัญหาการจัดการน้ำ โดยเฉพาะน้ำท่วมจะต้องได้รับกรยกระดับเป็นปัญหาเร่งด่วนและให้ความสำคัญ”นางสาวเมลินดา กล่าว

นอกจากนี้เวิลด์แบงก์ได้ระบุว่าการละเลยปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำจะนำมาซึ่งผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลายเรื่องได้แก่ ห่วงโซ่อุปทานเผชิญการหยุดชะงักซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ผลิตภาพทางการเกษตรจะอ่อนแอลง  และนักลงทุนจะลังเลที่จะเข้ามาลงทุนหากทรัพย์สินที่ลงทุนไม่ได้รับการป้องกัน

“วิกฤติที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นเพียงการย้ำเตือนถึงความเร่งด่วน และถึงเวลาที่ต้องลงมือทำและแก้ปัญหาเดี๋ยวนี้” 

 

นางสาวกู้ด เน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยระบุว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีประชากร 40% ของประเทศ และเป็นแหล่งสร้างรายได้คิดเป็น 2 ใน 3 ของ GDP ของประเทศ

ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยฯ กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่ ธนาคารโลกกำลังดำเนินการสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างรวดเร็วในแผนงานที่ดีจำนวน 9 แผนสำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา  ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้เพื่อส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยขนาดใหญ่

‘เวิลด์แบงก์’ ชี้น้ำท่วมภัยคุกคามเศรษฐกิจไทย  จี้รัฐยกระดับเป็นปัญหาเร่งด่วน

นอกจากนี้การมีน้ำที่เพียงพอยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการดิจิทัล โดยการดึงดูดการลงทุนศูนย์ข้อมูล (Data Center FDI) ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ต้องอาศัยการจ่ายน้ำที่มั่นคงสำหรับการระบายความร้อน

นอกเหนือจากไฟฟ้าที่สะอาดและราคาไม่แพง โดยธนาคารโลกกำลังทำงานร่วมกับ EEC เพื่อจัดการน้ำที่ปลอดภัยเพื่อดึงดูดการลงทุนเหล่านี้

 ซึ่งการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเปราะบางทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทยในสายตาของนักลงทุนและคู่ค้าทั่วโลกได้ด้วย