ดัชนี MPI ต.ค.68 ยังแกว่งต่ำ เศรษฐกิจอุตฯ สะดุด 'สศอ.' หั่นคาดการณ์ทั้งปี

ดัชนี MPI ต.ค.68 ยังแกว่งต่ำ เศรษฐกิจอุตสาหกรรมสะดุดต่อเนื่อง ทั้งปี หดตัว 0.08% "สศอ." หั่นคาดการณ์ทั้งปี จับตาเสี่ยงใหม่จากภาษีนำเข้าสหรัฐ–น้ำท่วม–ท่องเที่ยวอ่อนแรง
นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนตุลาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 94.57 หดตัว 0.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.25% เนื่องจากการยกเลิกภาษีนำเข้าจากสหรัฐ หลายรายการ ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม และเกษตรแปรรูปของไทย ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม ปรับตัวลดลง
โดยมีปัจจัยหลักจากการนำเข้าสินค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำ และอุทกภัยในหลายพื้นที่ และมูลค่าการค้าชายแดนหดตัวต่อเนื่อง รวมถึงการท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 10 เดือนแรกปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 96.55 หดตัว 0.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2568 ได้แก่ การผลิตรถยนต์ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 และมาตรการสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส และการปรับลดราคาน้ำมัน ซึ่งโครงการทั้ง 2 ถือเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ และต้นทุนของทั้งภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ด้านระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทยเดือนพฤศจิกายน 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยภายในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลง และมีภาวะต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะด้านการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวสูงจากเดือนก่อน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่หดตัวในภาคการผลิต ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวังลดลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ดีขึ้นทั้งจากการส่งออกไปจีน และออสเตรเลีย ขณะที่อินเดียเร่งนำเข้ามากขึ้น รวมถึงภาคการผลิตอาเซียนขยายตัวได้ต่อเนื่อง
“จากตัวเลขดัชนี MPI 10 เดือนแรกปี 2568 หดตัว 0.80% ส่งผลให้ สศอ.ปรับประมาณการปี 2568 คาดว่าดัชนี MPI หดตัว 0.75% และการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 0.5% ขณะเดียวกันได้ประมาณการปี 2569 โดยคาดว่าดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัว 1.0 - 2.0% รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การค้าระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลัก ยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทิศทางการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบาย"
ทั้งนี้ยังต้องเฝ้าระวังความไม่แน่นอน ของนโยบายด้านเศรษฐกิจ และมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ จึงต้องมีการติดตาม และเฝ้าระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อ และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัวลง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ส่งผลต่อภาคการผลิต ทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการ เครื่องจักร และอุปกรณ์ แรงงาน การขนส่ง ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.11% จากผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1800 ซีซี รถบรรทุกปิกอัพ และรถยนต์นั่งไฟฟ้า เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศ และการส่งออก และการเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการหลังมาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดลงสิ้นปีนี้
ชิ้นส่วน และแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.38% จากผลิตภัณฑ์ Printed Circuit Board Assembly (PCBA) เป็นหลัก ตามการเติบโตของตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลกที่มีอย่างต่อเนื่อง
น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.46% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เป็นหลัก เนื่องจากปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่างจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และการกลับมาผลิตเป็นปกติของผู้ผลิตบางรายหลังหยุดซ่อมบำรุงในปีก่อน
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
เครื่องปรับอากาศ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.04% จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศอ่อนแอ มีฝนตกน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีราคาถูก
มอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 38.65% จากผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นหลัก เนื่องจากมีการชะลอการผลิตเพื่อรอคำสั่งจากการไฟฟ้า
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.41% จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา และน้ำมันเบนซิน เป็นหลัก เนื่องจากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ของผู้ผลิตบางราย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







