'เอกนิติ' กระตุ้นไทยคว้า 'โอกาส' ใต้ระเบียบโลกใหม่ ชี้ต่างชาติสนใจลงทุนไทยหลายอุตสาหกรรม

'เอกนิติ' กระตุ้นไทยคว้า 'โอกาส' ใต้ระเบียบโลกใหม่ ชี้ต่างชาติสนใจลงทุนไทยหลายอุตสาหกรรม

“เอกนิติ” กระตุ้นไทยคว้า "โอกาส" ภายใต้ระเบียบโลกใหม่  ยันรักษาวินัยการคลัง ควบคู่ดันการลงทุน ปลดล็อกลงทุน 4.8 แสนล้านบาท เตรียมพร้อมคนสู่โลก AI เพิ่มทักษะร้านค้าคนละครึ่งเข้าโครงการแล้วกว่า 7.8 หมื่นคน เตรียมดันโครงการ Low Carbon City เข้าครม. 

KEY

POINTS

  • นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในไทยหลายอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เช่น เกษตรสมัยใหม่, อาหาร, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการแพทย์ โดยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เติบโตถึง 90%
  • รัฐบาลผลักดันโครงการ "Thailand Fast Pass" เพื่อปลดล็อกอุปสรรคด้านสาธารณูปโภค การขออนุญาต และที่ดิน ให้กับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติแล้วสามารถดำเนินการได้จริง
  • รัฐบาลเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดเพื่อรองรับการลงทุนยุคใหม่ และส่งเสริมการพัฒนาทักษะบุคลากร (Reskill/Upskill) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับระเบียบโลกใหม่ เช่น เทคโนโลยี AI และมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวในหัวข้อ Thailand's Moment: Igniting Economic Revival ในงาน Spotlight Day 2025   "New World Order เศรษฐกิจไทยในระเบียบโลกใหม่" จัดโดย SPOTLIGHT วันที่ 28 พ.ย.2568 ว่า ในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลดำเนินการภายใต้กรอบเวลาที่จำกัดเพียง 4 เดือน

ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งหวังให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตไปพร้อมกัน โดยในการทำนโยบายได้คิดในกรอบว่าประเทศไทยยังมีโอกาส ท่ามกลางข้อจำกัดหลายอย่างเช่นเรื่องของงบประมาณ รวมทั้งการรองรับเรื่องของระเบียบโลกใหม่ (New World Order) 

รวมทั้งในการทำงานและขับเคลื่อนนโยบายยอมรับความเป็นจริงว่า รัฐบาลต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งงบประมาณที่มีจำกัด และการถูกเตือนจากบริษัทจัดอันดับ (Rating Agency) โดยระบุว่าไทยเคยถูก 2 หน่วยงานปรับมุมมอง (Outlook) ไปแล้วก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง และเหลือเพียง 1 แห่งที่ต้องรักษาความเชื่อมั่นไว้คือ S&P ที่ได้มีการคงอันดับเครดิตเรตติ้งของไทยไว้

นอกจากนี้ ปัญหาใหญ่คือระเบียบโลกที่เปลี่ยนไป ทั้งการแข่งขันทางการค้าอย่างรุนแรง การใช้นโยบายภาษี ของโดนัลด์ ทรัมป์ เทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง 

“การแสดงความตั้งใจที่ใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ถือเป็นการแสดงความชัดเจนในการใช้เงิน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ S&P คง Outlook ของไทยไว้ได้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การกระทำที่สร้างความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนคือการ คืนเงินให้กับ ธกส. เป็นสิ่งแรก จากการดำเนินนโยบายเหล่านี้ และการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เศรษฐกิจในไตรมาส 4  น่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่สิ่งสำคัญคือการวางรากฐานระยะยาวสำหรับการลงทุนในอนาคตและการเติบโตที่ครอบคลุม (Inclusive Growth) ต่อไป”

'เอกนิติ' กระตุ้นไทยคว้า 'โอกาส' ใต้ระเบียบโลกใหม่ ชี้ต่างชาติสนใจลงทุนไทยหลายอุตสาหกรรม

รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวต่อว่าแม้การแข่งขันทางการค้าจะรุนแรง แต่ไทยยังมีโอกาส โดยพิจารณาจากตัวเลขคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน (Application)ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เติบโตสูงถึง 90%

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่นักลงทุนยังให้ความสนใจคือสาขาที่ไทยมีความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) อุตสาหกรรมอาหาร (Food Processing) สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ Printed Circuit Board (PCB)  นอกจากนั้นยังมีการอัปเกรดฐานการผลิตรถยนต์เป็นรถยนต์ Hybrid หรือไฟฟ้า (EV) และศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub)

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ได้เข้าไปดูในเรื่องของปัญหาคือโครงการจำนวนมากที่ได้รับอนุมัติบัตรส่งเสริมแล้ว และ พร้อมจะลงทุนจริง ซึ่งมีกว่า 80 โครงการ ที่มีมูลค่าประมาณ 480,000 ล้านบาท กลับติดปัญหาไม่สามารถลงมือได้จริง เนื่องจากมีอุปสรรคเรื่องน้ำ ไฟฟ้า วีซ่า การขออนุญาต และที่ดิน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้

รัฐบาลจึงได้ผลักดันโครงการ "Thailand Fast Pass" ซึ่งได้รับอนุมัติจาก ครม. เศรษฐกิจและ ครม. แล้ว เพื่อปลดล็อกอุปสรรคเหล่านี้ให้การลงทุนเกิดขึ้นจริง


“การปลดล็อกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินงบประมาณใหม่สักบาท สำหรับการแก้ไขระยะยาว จะมีการนำปัญหาจริงที่พบจากโครงการขนาดใหญ่ 80 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่เกิน 1 พันล้านบาท ส่งต่อให้ชุดทำงานเรื่องการปรับปรุงข้อกฎหมาย "กิโยติน" ของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบและวางระบบอนุญาตโดยใช้ดิจิทัล” 


นอกจากนี้รัฐบาลยังต้องการเร่งรัดเรื่องของการวางโครงสร้างพื้นฐานเรื่องพลังงานเพื่อรองรับการลงทุน โดยเน้นในเรื่องของพลังงานสะอาดสำหรับเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ที่มีการสร้าง Data Center จำนวนมาก รัฐบาลจึงพยายามผลักดันเรื่องการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างภาคเอกชน (Direct PPA)  เพื่อให้เอกชนสามารถลงทุนและขายไฟสะอาดได้เอง

โดยต้องมีการปลดล็อกระเบียบกับ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
นอกจากนี้ไทยถือว่ามีจุดแข็งด้านพื้นที่และอ่างเก็บน้ำจำนวนมาก โดยรัฐบาลสามารถนำที่ราชพัสดุกว่า 10 ล้านไร่ มาใช้ทำโซลาร์ฟาร์ม หรือโซลาร์ลอยน้ำ  โดยคิดค่าเช่าที่ถูก เพื่อสร้างฐานการผลิตพลังงานสะอาดได้ 

สำหรับการรับมือระเบียบโลกด้านสภาพภูมิอากาศ คือมาตรการกลไกการปรับขอบเขตคาร์บอน (CBAM)  ที่ยุโรปจะนำมาใช้ในไม่ช้าโดยจะเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้า 5 ชนิดที่รัฐบาลจึงให้การสนับสนุนโครงการ Low Carbon City ร่วมกับ World Bank เพื่อสร้างต้นแบบในการลดคาร์บอน และมีการขยายผลจาก สระบุรีโมเดล ที่เกิดจากการร่วมมือระหว่างเอกชน รัฐบาล และท้องถิ่น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล (Biofuel) และเอทานอลจากภาคเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบสนองความต้องการในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ผลประโยชน์ตกถึงเกษตรกร

รวมทั้งรัฐบาลยังสนับสนุน เรื่องของการลงทุนเรื่องทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะเรื่องการรีสกิล และอัพสกิล  เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลก AI แม้ว่าคนไทยจะเก่งในการใช้โซเชียลมีเดีย แต่ยังขาดความรู้ในการใช้ดิจิทัลและ AI เพื่อการประกอบอาชีพ โดยปัจจุบันมีร้านค้าที่สมัครเรียนแล้วกว่า 78,000 ร้านค้า  

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกแบบโครงการ "คนละครึ่งพลัส" โดย "Plus" นี้มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ระยะยาว เพราะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการอบรมเรื่อง AI, การทำบัญชีครัวเรือนอย่างง่าย และการขายของออนไลน์

โดยมีการจับมือกับแพลตฟอร์ม Food Delivery และธนาคารที่เข้าร่วมโครงการโดยโครงการนี้ยังมีการเชื่อมโยงกับการขอสินเชื่อจากธนาคารออมสินที่ได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ในวงเงินสูงสุด 50,000 บาทต่อราย เพื่อลดการกู้หนี้นอกระบบ

นอกจากนี้ ยังมีการใช้เงินจาก กองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของ BOI กว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเน้นเรื่อง Reskill/Upskill ในรูปแบบที่ตรงกับหลักสูตรตามความต้องการของตลาด) ในด้าน Data Center, Cloud, และแอปพลิเคชันต่างๆ