ภาคธุรกิจชง ‘ซอฟต์โลน’ น้ำท่วม หนุนเงินทุนหลังน้ำลดพยุงผู้ประกอบการภาคใต้

“รัฐบาล” เดินเครื่องช่วยอุทกภัยใต้ “มาตรการเร่งด่วน-เยียวยา-ฟื้นฟู” พักหนี้ 0% 6 เดือนวงเงินไม่เกิน 1 ล้าน รัฐชดเชยดอกเบี้ย หนุนเงินทุนฟื้นตัวหลังน้ำลด “แรงงาน” ของบกลาง 2.4 พันล้าน ช่วยลูกจ้าง-นายจ้าง “บีโอไอ” รักษาฐานการผลิตภาคใต้ โรงงานกระทบ 715 แห่ง SME เสียหายวันละ 1,500 ล้านบาท ภาคธุรกิจขอซอฟต์โลน “ฟื้นฟู-เสริมสภาพคล่อง”
KEY
POINTS
- วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย ระบุ ภาคธุรกิจต้องการเงินทุนเพื่อซ่อมแซมหรือซื้อเครื่องจักรใหม่ และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อพยุงกิจการ
- สสว. เตรียมเสนอมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องเร่งด่วนให้กับ SME ที่ได้รับผลกระทบกว่า 200,000 ราย
- รัฐบาลได้ออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการแล้ว เช่น การพักชำระหนี้ 6 เดือนสำหรับหนี้ไม่เกิน 1 ล้านบาท และสินเชื่อดอกเบี้ย 0% วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน
- บีโอไอ เตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน โดยการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรที่นำมาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย
- กระทรวงแรงงานเตรียมของบประมาณกลางปี 2569 เพื่อใช้ในโครงการช่วยเหลือแรงงาน และผู้ประกอบการ โดยมีระยะฟื้นฟูที่เน้นสนับสนุนเงินทุนเพื่อให้กิจการกลับมาดำเนินการได้ปกติ
สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ยังอยู่ในระดับน่าเป็นห่วงถึงแม้ว่าระดับน้ำในบางพื้นที่ลดลง โดยกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานข้อมูลวันที่ 27 พ.ย.2568 มีผลกระทบ 1.07 ล้านครัวเรือน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 2.95 ล้านคน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมบูรณาการการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2568 ที่กระทรวงการคลัง โดยระบุว่ามาตรการด้านเศรษฐกิจ การเงิน และงบประมาณเยียวยาต้องส่งถึงมือประชาชนเร็วที่สุด
สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่สำคัญได้จัดสรรงบประมาณเพื่อความคล่องตัวในการช่วยเหลือ โดยสำนักงบประมาณได้ยืนยันว่ามีความพร้อมจ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ให้ประชาชนทันที
ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ได้ประชุมเพื่อสรุปมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งประชาชน และผู้ประกอบการ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศป.กฉ.กล่าวว่า รัฐบาลร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการพักหนี้ และพักดอกเบี้ยของธนาคารรัฐ โดยมาตรการพักชำระหนี้ครอบคลุมหนี้ทุกบัญชีรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นเวลา 6 เดือน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ธนาคารของรัฐในอัตรา 4.5%
สำหรับมาตรการระยะต่อไป ลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการกู้ และมีวงเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท กู้ได้ทันที อัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 6 เดือน โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยต้นทุนไม่เกิน 1%
นอกจากนี้ จะมีมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้ การขยายเวลายื่นภาษี และยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับชิ้นส่วนเครื่องจักรที่เสียหายในพื้นที่ประสบภัย รวมถึงผู้บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ส่วนระยะยาว เตรียมมาตรการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูที่อยู่อาศัย โรงงาน รวมถึงมาตรการภาษีสำหรับซ่อมบ้าน และซ่อมรถ ขณะเดียวกันยังเปิดให้ส่วนราชการจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เร็วขึ้น
“ประกันสังคม” ช่วยลูกจ้าง-นายจ้าง
ด้านประกันสังคมจะช่วยเหลือลูกจ้างโดยจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย 50% ของค่าจ้าง นานไม่เกิน 180 วัน สูงสุด 15,000 บาทต่อเดือน สำหรับลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน กู้ซ่อมบ้านได้ โดยสหกรณ์คิดดอกเบี้ยเพียง 2% ต่อปี
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า กระทรวงแรงงานมีแผนเสนอมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือแรงงานในพื้นที่น้ำท่วม โดยจะของบประมาณกลางปี 2569 รวม 2,419 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเพิ่มอาชีพ พัฒนาทักษะแรงงาน การปรับตัวของผู้ประกอบการ และเสริมมาตรการความปลอดภัยภายในสถานประกอบการ
สำหรับการดำเนินการเน้นช่วยเหลือครอบคลุมแรงงาน และผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาผลกระทบเบื้องต้น ฟื้นฟูอาชีพ และสนับสนุนให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อเนื่องแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.ระยะช่วยเหลือเร่งด่วน ให้มีเงินใช้ สำหรับลูกจ้าง และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
2.ระยะเยียวยา ให้มีงาน มีอาชีพ ผ่านโครงการพัฒนาอาชีพ การเพิ่มรายได้ และการส่งเสริมทักษะแรงงาน
3.ระยะฟื้นฟู ที่ทำงาน และที่อยู่อาศัย โดยเน้นสนับสนุนเงินทุน และมาตรการเพื่อให้กิจการ และที่อยู่อาศัยกลับมาใช้การได้ปกติ
โรงงานสงขลาได้รับผลกระทบ 715 แห่ง
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า กระทรวงอุตสาหกรรม สำรวจผลกระทบน้ำท่วมภาคใต้ โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา รายงานจำนวนโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมใน 12 อำเภอ ของสงขลา ประกอบด้วย
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร 29 โรงงาน, อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา 97 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์ยางพารา 103 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์จากพลาสติก 44 โรงงาน, อุตสาหกรรมทำผลิตภัณฑ์จากโลหะ 53 โรงงาน, อุตสาหกรรมขุดตักดิน และดูดทราย 310 โรงงาน และอุตสาหกรรมบริการ 79 โรงงาน รวม 715 โรงงาน มูลค่าความเสียหาย 1,282 ล้านบาท
“บีโอไอ” ออกมาตรการบรรเทานักลงทุน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจ และช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย การตัดบัญชีเครื่องจักร และวัตถุดิบที่ได้รับความเสียหายโดยไม่มีภาระภาษี รวมถึงอนุญาตให้เพิ่มกำลังการผลิตตามเครื่องจักรที่ซื้อเพิ่มหรือทดแทน
สำหรับสงขลาเป็นฐานการผลิตสำคัญของภาคใต้ โดยมีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 191 โครงการ มูลค่าการลงทุน 53,000 ล้านบาท ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น กิจการแปรรูปอาหาร กิจการการผลิต ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตร กิจการผลิตอาหารสัตว์น้ำ กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล กิจการแปรรูปยาง
“สงขลาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมสำคัญของภาคใต้ ผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง และกระทบต่อภาคธุรกิจในพื้นที่อย่างมาก บีโอไอพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับความเสียหาย ผ่านมาตรการภาษีอากร เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน และสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติโดยเร็ว” นายนฤตม์ กล่าว
SME เสียหายวันละ 1,500 ล้านบาท
นายวิทวัส ล่ำซำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า อุทกภัยภาคใต้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงมาก โดยเฉพาะหาดใหญ่ที่จุดกระจุกตัวของ SME ซึ่งหาดใหญ่ได้รับผลกระทบต่อวัน 1,500 ล้านบาท และหากยืดเยื้อ 1 เดือน อาจสูงถึง 10,000-15,000 ล้านบาท
ส่วน SME ที่ได้รับผลกระทบใน 7 จังหวัดภาคใต้ คาดว่ามีกว่า 200,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจตึกแถว ร้านค้า เทรดเดอร์ รวมถึงกิจการที่มีสต๊อกมากทำให้กระทบต่อสถานประกอบการ อุปกรณ์ และสินค้าคงคลัง โดย สสว.เตรียมเสนอชุดมาตรการเร่งด่วน ได้แก่
1.มาตรการ BDS แบบยกพลัง เพิ่มเพดานการช่วยเหลือจาก 200,000 บาท เป็น 500,000 บาท เพื่อช่วยซ่อมแซมสถานประกอบการ และกู้ฟื้นต้นทุนพื้นฐาน
2.สิทธิพิเศษด้านจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยให้ SME ใน 7 จังหวัด โดยเฉพาะหาดใหญ่เข้าถึงงานภาครัฐก่อน เพื่อให้มีรายได้ไหลกลับสู่ระบบทันที
3.มาตรการสินเชื่อฟื้นธุรกิจเสริมสภาพคล่องเร่งด่วน ซื้อสต๊อก ซ่อมอุปกรณ์ โดยเป้าหมายให้ธุรกิจกลับมาลุกขึ้นทำงานได้เร็วที่สุด
โรงงานไม่เสียหายหนักแต่ขาดแรงงาน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า แม้โรงงานหลายแห่งไม่ถูกน้ำท่วม แต่มีปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพราะแรงงานมาทำงานไม่ได้ปกติ
นอกจากนี้ ส.อ.ท.นำบทเรียนจากการช่วยเหลือเหตุโคลนถล่มที่จังหวัดเชียงราย มาใช้ โดยได้ตั้งทีมเดิมขึ้นมาเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นฟู ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ เครื่องจักร ระบบไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ และวัสดุก่อสร้าง เพื่อช่วยเรื่องซ่อมแซมสี และโครงสร้างเมื่อเข้าพื้นที่ได้
ภาคธุรกิจต้องการซอฟต์โลน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเมินเบื้องต้นหากสถานการณ์น้ำท่วมจบใน 1 สัปดาห์ จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยืดเยื้อมาเกิน 1 สัปดาห์ความเสียหายจะเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ภาคใต้มีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบ เช่น โรงงานแปรรูปอาหารในสงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง และตรัง รวมถึงโรงงานแปรรูปเกษตร เช่น ผลไม้ และธุรกิจท่องเที่ยวภาคบริการที่เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจภาคใต้
ขณะที่โลจิสติกส์มีปัญหา โดยหลายเส้นทางหลายเส้นทางถูกน้ำท่วมเสียหาย เพราะธุรกิจที่จะกลับมาเปิดได้ตามปกติต้องอาศัยระบบโลจิสติกส์ ทั้งการนำวัตถุดิบ อาหาร วัสดุก่อสร้าง
“ธุรกิจต้องอาศัยซัพพลายเชน วัตถุดิบ พนักงาน หรือแรงงาน แพ็กเกจจิ้ง ส่วนเครื่องจักรหากได้รับความเสียหายต้องประเมินว่าจะซ่อมแซมหรือซื้อใหม่ ซึ่งต้องใช้เงินทุนที่ต้องการให้รัฐบาลมาช่วยเหลือเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ” นายวิศิษฐ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







