'กงสุลใหญ่' กว่างโจว จี้ไทยอัพสกิลแรงงาน ยกระดับซอฟต์แวร์ รับนักลงทุนจีน

กงสุลใหญ่ฯ "กว่างโจว" ชี้กวางตุ้งคือ “หัวใจเศรษฐกิจจีน” เตือนไทยเร่งอัพสกิลแรงงาน–ยกระดับซอฟต์แวร์รัฐ รับคลื่นลงทุนจีนยุค AI
KEY
POINTS
- "กาจฐิติ วิวัธวานนท์" กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ชี้ว่ามณฑลกวางตุ้งเป็นขุมพลังเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจีนและเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดของไทย แต่การขาดดุลการค้าที่พุ่งสูงขึ้นเป็นสัญญาณของคลื่นการลงทุนขนาดใหญ่จากจีนที่กำลังเข้ามาในไทย
- นักลงทุนจีนเผชิญปัญหาใหญ่คือการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม EV ทำให้บริษัทจีนต้องจัดทำโครงการ Upskill/Reskill เองเพื่อแก้ปัญหา
- กงสุลใหญ่ฯ เสนอให้ไทยยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็น “หุ้นส่วนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” กับจีน เพื่อรับมือกับยุคที่จีนขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยีขั้นสูง
- ไทยถูกเตือนให้เร่งพัฒนา "ซอฟต์แวร์ภาครัฐ" เช่น ระบบตรวจคนเข้าเมืองและการบริหารข้อมูล ควบคู่ไปกับการปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างคนให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคต
นายกาจฐิติ วิวัธวานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เปิดมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ต่อทิศทางเศรษฐกิจจีนและความสัมพันธ์ไทย-จีน ในจังหวะครบรอบ 50 ปี ชี้ “กวางตุ้ง” ยังเป็นขุมพลังเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของจีน และเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดของไทย เตือนไทยกำลังเผชิญภาวะ "ขาดดุลการค้าพุ่งแรง" สะท้อนการลงทุนจีนที่ไหลบ่า ขณะที่แรงงานทักษะไทยยังไม่พร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่
สำหรับมณฑลกวางตุ้ง ยังเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจ" ใหญ่ที่สุดของจีน เติบโตต่อเนื่อง 36 ปี และมี GDP มากกว่าไทยถึง 4 เท่า พร้อมเป็นฐานเมืองเทคโนโลยีสำคัญของจีน ทั้งกว่างโจวและเซินเจิ้น
ปัจจุบันกวางตุ้งเป็น คู่ค้าอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 25% ของการค้ารวมไทย-จีน แต่ไทยกลับขาดดุลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปี 2566 ขาดดุล 1,500 ล้านดอลลาร์ และเพียงครึ่งปีแรกของ 2568 ตัวเลขก็แซงหน้าปีก่อนแล้ว
“นี่อาจไม่ใช่วิกฤติการค้า แต่คือสัญญาณของการลงทุนจีนที่เข้ามาเป็นคลื่นใหญ่ ทั้ง BYD, GAC และผู้ผลิตเทคโนโลยี ที่ตั้งฐานในไทย”
สัมพันธ์ 50 ปี สู่ “หุ้นส่วนวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี”
นายกาจฐิติ เสนอว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีนในอีก 50 ปีข้างหน้าต้องขยับสู่การเป็น “หุ้นส่วนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” แทนความสัมพันธ์แบบเชิงสายเลือดในอดีต
จีนกำลังขับเคลื่อนประเทศด้วยยุทธศาสตร์ High Quality Development ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ โดย AI และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นหัวใจสำคัญ พร้อมผนึกกำลังในโครงการ Greater Bay Area (GBA) ซึ่งรวม 9 เมืองกวางตุ้งเข้ากับฮ่องกง-มาเก๊า สร้างซูเปอร์คลัสเตอร์เทคโนโลยีระดับโลก
"Pain Point ใหญ่ของนักลงทุนจีนคือ ไทยขาดแคลนแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรม EV ซึ่งต้องการแรงงานกว่า 50,000 คน บริษัทจีนต้องจัดทำโครงการ Upskill/Reskill เอง หรือจับมืออาชีวะไทยทำ MOU เพื่อยกระดับทักษะ ขณะที่บริษัท SME จีนเริ่มขอให้รัฐบาลกวางตุ้งช่วยประสานกับหน่วยงานไทย คำถามคือ ทำไมไทยยังไม่มีสถาบันเทคโนโลยีแบบจีน เหมือนที่เคยทำกับญี่ปุ่น”
ดันความร่วมมือ 3 ธีมใหญ่ "ATMP-พลังงาน-เกษตรแม่นยำ"
อย่างไรก็ตาม จึงควรวาง 3 ภารกิจเชื่อมศักยภาพกวางตุ้งกับไทย ได้แก่
1. การแพทย์ขั้นสูง (ATMP) มุ่งถ่ายทอดเทคโนโลยี Gene Editing, Cell Therapy ไทยเพิ่งบรรลุความร่วมมือ เทคโนโลยีตัดต่อยีนรักษาโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งไทยอาจเป็นประเทศแรกที่ได้รับถ่ายทอดจากจีน
2. พลังงานทางเลือก รวมถึงเทคโนโลยีใหม่อย่าง แม่เหล็กพลังงาน ที่อาจดิสรัปต์โลก EV
3. เกษตรแม่นยำ นำข้อมูล โดยใช้ AI ยกระดับการผลิต
"การแพทย์แผนไทย ต้องผลักดันให้ไทยสกัดสารออกฤทธิ์จากสมุนไพร พร้อม หลักฐานวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาเป็นยาที่แพทย์ตะวันตกสามารถสั่งจ่ายได้"
สิ่งที่จีนทำได้ดีคือ เทคโนโลยีใหม่ อาทิ 1. Palm Scanning Payment การสแกนเส้นเลือดฝ่ามือเพื่อชำระเงิน ใช้จริงแล้วในหลายเมืองของจีน 2. Magnetic Power เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยแรงแม่เหล็ก อาจเปลี่ยนทิศทางอุตสาหกรรม EV 3. Small Modular Reactor (SMR) ซึ่งไห่หนานเตรียมเป็นพื้นที่แรกของโลกที่นำ SMR มาใช้เชิงพาณิชย์ในปี 2568 ขณะที่หน่วยงานไทยกว่า 15 คณะเดินทางไปศึกษาดูงานแล้ว
ไห่หนาน 2035 จากพื้นที่ชายแดนสู่ฐานเศรษฐกิจโลกใหม่
ทั้งนี้ จีนกำลังผลักดันไห่หนานสู่ Free Trade Port และฐานเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ Space Industry โรงงานซ่อมบำรุงอากาศยาน MRO Center ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ รวมถึงฐานปล่อยจรวดของไห่หนานที่ยังมองไทยเป็นพันธมิตรที่เป็นไปได้ เพราะอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ใช้พลังงานน้อยและบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า
"ด้าน Connectivity นั้น อนาคตไม่ใช่การแข่งขันด้านฮาร์ดแวร์ แต่คือการแข่งขันด้าน ซอฟต์แวร์รัฐ เช่น ระบบ ตม. ด่านตรวจ และการบริหารข้อมูล”
ปมใหญ่ของไทย "การศึกษา" ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่
นายกาจฐิติ กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดคือ เด็กไทยเรียนไม่ตรงกับอุตสาหกรรมอนาคต ซึ่ง 10 เดือน ที่รับตำแหน่งยังไม่เจอเด็กไทยคนใดในกวางตุ้งที่เรียนด้านเทคโนโลยี หรือ Education โดยนักศึกษาจำนวนมากยังเรียนเฉพาะ Business และภาษา ซึ่งทำให้โอกาสเติบโตในบริษัทเทคโนโลยีจำกัดอยู่แค่ HR-Marketing-Accounting เพราะเด็กศิลป์ไม่เรียนวิทย์ เด็กวิทย์ไม่เรียนภาษา จึงยากที่ไทยจะเป็นฮับในภูมิภาคได้
"ไทยต้อง 'เปลี่ยนเรือสำเภา' จากการค้าสายสัมพันธ์ในอดีต สู่เรือบรรทุกเทคโนโลยี-นวัตกรรม-ห่วงโซ่อุปทาน เพื่อพร้อมรับโลกใหม่ที่จีนกำลังสร้างในยุค 2035 การเป็นมหาอำนาจของจีนไม่ได้อยู่ที่อาวุธ แต่อยู่ที่ความพร้อมของคนและระบบ ถ้าไทยอยากเป็นฮับ ต้องเริ่มจากการสร้างคนและซอฟต์แวร์รัฐให้ทันโลก"







