‘คลัง’อัดแผนเยียวยาน้ำท่วม จ่อคลอด 3 ระยะ ‘บรรเทา-เยียวยา-ฟื้นฟู’

สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้รุนแรงขึ้น ปภ.รายงานผู้ได้รับผลกระทบ 9 จังหวัดพุ่ง 2.7 ล้านคน เฉพาะสงขลา 8.3 แสนคน “คลัง” จ่อคลอด 3 มาตรการ “บรรเทา เยียวยา ฟื้นฟู” เค้นงบกลาง งบประจำ พร้อมมาตรการกึ่งการคลัง พร้อมดัน 7 แบงก์รัฐ ช่วยลูกค้า นายกฯ ยืนยันอยู่พื้นที่จนคลี่คลาย
สถานการณ์อุทกภัยรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 9 จังหวัดภาคใต้ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างต่อบ้านเรือน พื้นที่เกษตรและภาคธุรกิจ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานวันที่ 26 พ.ย.2568 มีครัวเรือนได้รับผลกระทบ 986,018 ครัวเรือน และประชาชนได้รับผลกระทบ 2.73 ล้านคน ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากวันที่ 21 พ.ย.2568 ที่ได้รับผลกระทบ 124,003 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 0.6 ล้านคน
ส่วน จ.สงขลา ได้รับผลกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ข้อมูลวันที่ 26 พ.ย.2568 ได้รับผลกระทบ 320,887 ครัวเรือน กระทบประชาชนถึง 836,206 คน เพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเทียบกับวันที่ 21 พ.ย.2568 ที่กระทบ 16,496 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบเพียง 41,456 คน
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ติดตามวิกฤติน้ำท่วม นายอนุทิน กล่าวว่า “จะอยู่ในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่นจะไม่บินกลับโดยเด็ดขาด”
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียกประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2568 เพื่อเตรียมออกแพ็คเกจใหญ่เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
นอกจากนี้ พิจารณาจัดสรรการใช้งบประมาณ ทั้งงบประจำ งบกลางฉุกเฉิน รวมถึงมาตรการกึ่งการคลังวงเงินจากมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อจัดสรรการใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม ตลอดจนแผนการใช้งบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะต่อไป อาทิ โครงการคนละครึ่งเฟสสอง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะมีการพิจารณาการใช้กลไกงบประมาณรายจ่ายที่มีอยู่เดิมเป็นหลัก โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณจากงบกลางกรณีฉุกเฉินจำเป็น และวงเงินที่มีอยู่แล้วของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ก่อนจะพิจารณาการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ หรือมาตรการกึ่งการคลังตามมาตรการ 28
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบความช่วยเหลือไปยังประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที ได้แก่
มาตรการระยะที่ 1 มาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้า ช่วยบรรเทาทุกข์ระหว่างน้ำท่วม ในภาวะวิกฤตที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ให้มีการประสานการทำงานและกลไกช่วยเหลือจากภาครัฐในพื้นที่ โดยกระทรวงการคลังจะร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและ SFIs ในการเปิดศูนย์กลางในการรับบริจาค ทั้งในรูปแบบทั่วไปและการรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็นเร่งด่วนตามรายการที่ได้มีการสำรวจความต้องการไว้แล้ว เพื่อให้การจัดส่งความช่วยเหลือตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
มาตรการระยะที่ 2 แผนฟื้นฟูหลังน้ำลดและเยียวยาผู้ประกอบการ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนผ่านจากภาวะฉุกเฉินเข้าสู่ระยะฟื้นฟู ได้แก่ สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู โดยจะมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและยานพาหนะที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งในอดีตมาตรการลักษณะนี้เคยดำเนินการทั้งในรูปแบบของ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ สิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่อนุญาตให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมไปใช้ลดหย่อนภาษีได้
มาตรการระยะที่ 3 ให้ความสำคัฐกับการพยุงธุรกิจในพื้นที่ ช่วยเหลือผู้ประกอบการและธุรกิจ SME ในพื้นที่ประสบภัยให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี หลังจากน้ำลด
โดยกระทรวงการคลังมีแผนที่จะหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) บูรณาการความช่วยเหลือและออกมาตรการที่สอดคล้องกันตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการติดตามและประเมินผลกระทบระดับมหภาค เพื่อให้เห็นภาพรวมความเสียหายและเตรียมปรับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ โดยจะประเมินผลกระทบต่อ GDP หลังสถานการณ์น้ำท่วมยุติลงแล้วเพื่อให้รวบรวมข้อมูลความเสียหาย
“ออมสิน” พักหนี้อัตโนมัติ 3 เดือน
สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 7 แห่ง ได้ทยอยออกมาตรการดูแลลูกค้าในพื้นที่น้ำท่วม ประกอบด้วย
นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าธนาคารออมสินได้เร่งช่วยเหลือลูกค้ากว่า 100,000 ราย ในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ด้วยมาตรการ ได้แก่
มาตรการพักชำระหนี้อัตโนมัติ 3 เดือนพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน โดยธนาคารยกเว้นดอกเบี้ยให้ทั้งหมด (0%) ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนเงินต้นที่พักไว้จะนำไปรวมชำระในงวดสุดท้าย ลูกค้าจะได้รับ SMS แจ้งสิทธิ์ หากไม่ประสงค์เข้าร่วมสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ซึ่งยอดเงินจะถูกนำไปตัดลดเงินต้นทั้งจำนวน
นอกจากนี้ มีมาตรการสำหรับผู้ประกอบการ (Non-NPLs) ลูกหนี้ที่มีตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ครบกำหนดชำระระหว่าง 19 พ.ย.-30 ธ.ค.2568 ขยายวันครบกำหนดออกไป 90 วัน ชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไขเดิม ทั้งนี้ มาตรการข้างต้นไม่รวมสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อ PSA และสินเชื่อผู้มีรายได้ประจำ
ธพว.พักหนี้สูงสุด 1 ปี เติมทุนฉุกเฉิน
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) กล่าวว่า ธนาคารมีความห่วงใยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบภัย จึงออกมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่
1.มาตรการพักชำระหนี้พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน (สำหรับ Term Loan) และขยายเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) สูงสุด 180 วัน
2.มาตรการเติมทุนฉุกเฉินให้วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MLR กู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน
3.สินเชื่อฟื้นฟูเป็นสินเชื่อเสริมสภาพคล่องหลังน้ำลด อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% คงที่ 3 ปีแรก วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาท
“ไอแบงก์” พักหนี้ 6 เดือน
นายธีระ ยีโกบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มงานธุรกิจสาขา ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) เปิดเผยว่า ไอแบงก์ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
1.มาตรการพักชำระหนี้พักชำระเงินต้นและกำไร ทุกประเภทวงเงิน ไม่รวมสินเชื่อหมุนเวียนระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
2.มาตรการสินเชื่อซ่อมแซมและฟื้นฟู ได้แก่ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท อัตรากำไรปีแรก 1.99% ต่อปี และฟื้นฟูกิจการวงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท อัตรากำไรปีแรก 2.99% ต่อปี โดยทั้ง 2 กรณีให้ระยะผ่อนสูงสุด 5 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือน
3.มาตรการช่วยเหลือลูกค้า NPF สำหรับลูกค้าบุคคลและ SMEs ที่มีหนี้เงินต้นเกิน 20 ล้านบาท และค้างชำระเกิน 90 วัน จะได้รับความช่วยเหลือผ่านอัตรากำไรพิเศษ, ส่วนลดเบี้ยปรับค้างชำระ หรือการนำค่างวดมาตัดชำระเงินต้นได้ก่อน
4.มาตรการประกันตะกาฟุล เร่งประสานงานเคลมสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่มีประกันอัคคีภัยคุ้มครองภัยธรรมชาติ
5.กรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ตลอดอายุสัญญา
6.กรณีที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร ผ่อนชำระต่อเฉพาะส่วนของที่ดิน
7.สินไหมเร่งด่วน (Fast Track)จ่ายค่าสินไหมประกันอัคคีภัยเร่งด่วนจากภาพถ่าย ตามจริงไม่เกิน 20,000 บาท และเพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติอีกไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับกรมธรรม์ที่เริ่มหลัง 1 พ.ย.2562
บสย.พักค่าธรรมเนียม-ค่างวด 6 เดือน
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้ประกอบการSMEsในพื้นที่ ปภ. ประกาศ แบ่งออกเป็น
1.ลูกค้า บสย.ให้ผ่อนผันพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 6 เดือน สำหรับยอดที่ครบกำหนด 14 พ.ย.ถึง 15 ธ.ค.2568
2.ลูกหนี้ บสย.กลุ่มปรับโครงสร้างหนี้พักชำระค่างวดเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในวันที่ 15 ธ.ค.2568
EXIM BANK เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่า เพื่อบรรเทาภาระให้ลูกค้าในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ได้ออกมาตรการดังนี้
1.มาตรการเร่งด่วนยืดหนี้อัตโนมัติ 30 วัน สำหรับหนี้ทุกประเภทที่ครบกำหนดชำระในเดือน ธ.ค.2568
สำหรับวงเงินกู้ระยะสั้นขยายตั๋ว P/N สูงสุด 180 วัน, เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุด 20% (ไม่เกิน 2 ล้านบาท) หรือเปลี่ยนหนี้สั้นเป็นยาวผ่อนสูงสุด 3 ปี
ส่วนวงเงินกู้ระยะยาวขยายเวลาสูงสุด 7 ปี, ลดดอกเบี้ยปีแรก 0.50% หรือพักชำระเงินต้นสูงสุด 1 ปี
ธ.ก.ส.ให้เงินด่วนฉุกเฉิน 5 หมื่น ดอกเบี้ย 0%
นายเอกนิติในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส.มอบนโยบายให้ ธ.ก.ส.ช่วยเหลือเกษตรกรใน 10 จังหวัดภาคใต้ ดังนี้
สินเชื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉินวงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก (หลังจากนั้นคิด MRR)
สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนและเครื่องมือเกษตร วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2
พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพและสำรวจความเสียหายเพื่อพิจารณาลดภาระหนี้สินต่อไป
ธอส.ออกมาตรการ “ลด-พัก-ปลอดหนี้”
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดทำ 7 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยปี 2568 ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ดังนี้
1.ลูกค้าปัจจุบันพักชำระหนี้ 3 เดือน (ดอกเบี้ย 0%) เดือนที่ 4-12 ดอกเบี้ย 2.00% (ลดเงินงวด 50%) พร้อมให้กู้ซ่อมแซมสูงสุด 3 แสนบาท ดอกเบี้ยต่ำ 1% นาน 3 ปี
2.ให้วงเงินกู้ใหม่/กู้เพิ่มวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก
3.ลูกค้า NPL ที่หลักประกันเสียหายสามารถประนอมหนี้สูงสุด 1 ปี 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0% ไม่ต้องผ่อน
4.ลูกค้า NPL ที่มีผลกระทบรายได้ให้ประนอมหนี้สูงสุด 1 ปี ช่วง 6 เดือนแรก ดอกเบี้ย 0% ผ่อนเพียง 1,000 บาท ตัดเงินต้นทั้งหมด
พลังงานเร่งแก้ก๊าซหุงต้มขาดแคลน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สั่งการให้จัดประชุมด่วน พร้อมตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้และการให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ที่ประชุมให้พลังงานจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เช่น จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี สตูล รายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่กระทบสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่จำนวนมาก รวมทั้งจำเป็นต้องปิดโรงไฟฟ้าจะนะชั่วคราว
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริหารจัดการด้านไฟฟ้า โดยให้ประสานโรงไฟฟ้าพื้นที่ใกล้เคียงผลิตไฟฟ้าทดแทนเพื่อลดผลกระทบ รวมทั้งสั่งการให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ติดตามปริมาณสำรองน้ำมันให้เพียงพอ
รวมทั้งที่ประชุมหารือแผนสำรองฉุกเฉินในการจัดหาและขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้มไปยังพื้นที่ประสบภัยในกรณีที่รุนแรงขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ







