‘ไทย’เจรจาจีนเปิดตลาด‘ม้าน้ำ’ กลับเข้าบัญชีวัตถุดิบยาจากสัตว์

‘ไทย’เจรจาจีนเปิดตลาด‘ม้าน้ำ’  กลับเข้าบัญชีวัตถุดิบยาจากสัตว์

เกษตร หารือ จีน นำ “ม้าน้ำ” กลับเข้ารายการบัญชีวัตถุดิบยาจากสัตว์ หวังเปิดตลาดส่งออก หนุนศักยภาพสัตว์เศรษฐกิจหลังกรมประมงส่งเสริมเพาะเลี้ยง เพื่อการค้าและการอนุรักษ์คืนสู่ธรรมชาติ

ข้อมูลจาก  เวบไซด์  LiveAquaria ที่ประกาศขาย “ม้าน้ำ(seahorses)”  มีชีวิต สายพันธุ์ต่างๆ มีราคาเฉลี่ยตั้งแต่ตัวละ  100-200 ดอลลาร์ หรือ คิดเป็นเงินไทย ราว 3,000- 1,000 บาท  โดยวัตถุประสงค์การซื้อเพื่อนำไปใช้เป็นสัตว์เลี้ยง ขณะที่ตลาดม้าน้ำหลักๆอยู่ม้าน้ำแบบตากแห้งที่การใช้ทำยาโบราณสรรพคุณบำรุงกำลัง 

ข้อมูลจากกรมประมง เมื่อ10 ปีที่ผ่านมา(ปี2556) ระบุว่า ไทย มีการส่งออกจำนวน 1.2 ตัน  และ ปี 2557 จำนวน 0.92 ตัน และในปี 2558 จำนวน 0.95 ตัน สะท้อนให้เห็นว่า ม้าน้ำ มีศักยภาพเป็นสัตว์เศรษฐกิจเพราะมีความต้องการตลาดที่สูงและมีมูลค่าในตัวเอง 

     นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชไทย-จีน ว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ระหว่างไทยและจีน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคเพื่อส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและประมงระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืน

ยกม้าน้ำตากแห้งกลับบัญชีวัตถุดิบยา

ในส่วนของกรมประมงได้หยิบยกประเด็นการบรรจุรายการม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากในอดีตมีการประเมินว่าการส่งออกม้าน้ำกระทบต่อการใกล้สูญพันธุ์ กรมประมงจึงออกประกาศ เรื่อง การงดออกใบอนุญาตส่งออกม้าน้ำเป็นการชั่วคราว นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีความต้องการส่งออกม้าน้ำตากแห้งไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีศักยภาพในการผลิตม้าน้ำที่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งกรมประมงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงม้าน้ำเชิงพาณิชย์เพื่อลดปริมาณการจับจากธรรมชาติ รวมจำนวนถึง 20 ราย และได้นำความรู้ไปขยายผลสู่การประกอบอาชีพแล้ว 5 ราย

โดยปัจจุบันมีฟาร์มเพาะเลี้ยงม้าน้ำที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนสถานเพาะพันธุ์สัตว์ป่าที่เป็นสัตว์น้ำตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) พ.ศ. 2568 จำนวน 1 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อขอการรับรองเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าประมงมูลค่าสูงกลับเข้าสู่ตลาดจีนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน

ไตเซสอนุญาติค้าได้แต่ต้องควบคุม 

สำหรับ “ม้าน้ำ” จัดเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและมีความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสรรพคุณทางยาที่สามารถบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ อีกทั้ง ม้าน้ำตากแห้งที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในยาแผนโบราณมีราคาจำหน่ายสูง ทำให้มีการจับจากธรรมชาติมากขึ้น ม้าน้ำจึงถูกจัดเป็นสัตว์น้ำในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II) ของอนุสัญญาไซเตส (CITES) ที่อนุญาตให้ทำการค้าได้และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมหรือจำกัดปริมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชากรม้าน้ำในธรรมชาติลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนมีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์

โดยประเทศผู้ส่งออกต้องมีมาตรการควบคุมและใบอนุญาตทางการค้าที่ชัดเจนและตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงได้จัดตั้งคณะทำงานจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธุ์ของม้าน้ำ สำหรับการอนุญาตการส่งออกที่ไม่กระทบต่อการใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ (Non-Detriment Findings: NDFs) ในการรวบรวมและจัดทำข้อมูลสถานภาพประชากรม้าน้ำในธรรมชาติของประเทศไทย ประเมินผล วิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค รวมถึงเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อจัดส่งไปยัง CITES

ชี้จีนผู้นำเข้าใหญ่สร้างรายได้กลับไทย

“หาก GACC ได้เห็นชอบให้บรรจุม้าน้ำตากแห้งของไทยกลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อวัตถุดิบยาจากสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดตลาดสินค้าประมงมูลค่าสูงให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ซึ่งคาดการณ์ว่าในอนาคตการผลิตม้าน้ำจากการเพาะเลี้ยงภายในประเทศไทยจะสร้างรายได้จำนวนมาก" 

ก่อนหน้านี้ กรมประมงได้เปิด โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การเพาะเลี้ยงม้าน้ำเพื่อเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง”เพื่อส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสำหรับทดแทนการจับจากธรรมชาติ ซึ่งนับวันมีปริมาณลดน้อยลง 

ทั้งนี้“ม้าน้ำ” (Sea horse)จัดเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรูปร่างและพฤติกรรมที่แตกต่างจากสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ จึงทำให้เป็นที่ต้องการสูงทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ โดยนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์น้ำสวยงาม และนำมาบริโภคโดยมีความเชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่าง ๆ ได้ รวมทั้งนำมาทำเป็นสินค้าที่ระลึกหรือเครื่องประดับ เช่น เข็มกลัด และพวงกุญแจ เป็นต้น โดยม้าน้ำถูกจัดให้เป็นสัตว์น้ำในบัญชีหมายเลข 2 ของอนุสัญญาไซเตส คือ อนุญาตให้ทำการค้าได้ แต่ต้องอยู่ในความควบคุมหรือจำกัดปริมาณ เพื่อไม่ให้มีผลเสียหายหรือจำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็วจนใกล้สูญพันธุ์

พื้นที่ชายฝั่งเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง

 เนื่องจากม้าน้ำเป็นสัตว์น้ำพลอยจับได้จากเครื่องมือการทำประมง อีกทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติลดลงรวมถึงความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ การจับม้าน้ำจากธรรมชาติมาเพื่อทำการค้าจึงส่งผลกระทบต่อประชากรม้าน้ำในธรรมชาติที่เสี่ยงลดลง

 กรมประมงจึงได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการผลักดันม้าน้ำสู่การส่งออกเชิงพาณิชย์ จัดการอบรม หลักสูตร “การเพาะเลี้ยงม้าน้ำเพื่อเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจมูลค่าสูง” ขึ้น ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน 5 จังหวัดได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต และสตูล

 เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้เพาะเลี้ยงม้าน้ำให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของตลาด ลดการจับจากธรรมชาติ และผลักดันให้เป็นสินค้าสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง เป็นอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง สามารถสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคง รวมถึงเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าและเพิ่มโอกาสในการส่งออกม้าน้ำไปยังประเทศเป้าหมาย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ซึ่งยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง

‘ไทย’เจรจาจีนเปิดตลาด‘ม้าน้ำ’  กลับเข้าบัญชีวัตถุดิบยาจากสัตว์