เปิดแผนพัฒนาเศรษกิจ “จีน”ฉบับที่ 15 ดันเฉิงตู–ฉงชิ่งสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตก

จีนเปิดแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 15 “Go West Policy” ยุทธศาสตร์พัฒนาภาคตะวันตก ยกระดับเศรษฐกิจเมืองคู่เฉิงตู–ฉงชิ่ง เป็นศูนย์กลางการค้า–โลจิสติกส์ ด้านตะวันตก
KEY
POINTS
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2569-2573) มีเป้าหมายหลักเพื่อผลักดัน "วงแหวนเศรษฐกิจเมืองคู่เฉิงตู-ฉงชิ่ง" ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภาคตะวันตก
- แผนดังกล่าวกำหนดบทบาทให้ "เฉิงตู" เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและวัฒนธรรม ขณะที่ "ฉงชิ่ง" มุ่งสู่การเป็นมหานครการผลิตขั้นสูงและศูนย์กลางโลจิสติกส์
- พื้นที่เฉิงตู-ฉงชิ่งถูกวางให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมโยง
เว็ปไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (สคต.) ณ นครเฉิงตู ประเทศจีน รายงานว่า รัฐบาลจีนประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2569–2573) เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในอีกห้าปีข้างหน้า โดยเน้น “การยกระดับคุณภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ” ผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ (Economic Resilience) พลังขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Innovation & Technology) และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability)
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ย้ำว่า “พลังงานคุณภาพใหม่” จะเป็นหัวใจของการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคถัดไป โดยมุ่งสร้างความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยี ควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจดั้งเดิมให้ทันสมัย และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างรากฐาน “เศรษฐกิจจีนยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม”
หนึ่งในหัวใจสำคัญของแผนฯ ฉบับที่ 15 คือ การสานต่อยุทธศาสตร์พัฒนาภาคตะวันตก (Go West Policy) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภาคตะวันออกและภาคตะวันตกของจีน โดยมุ่งผลักดัน “วงแหวนเศรษฐกิจเมืองคู่เฉิงตู–ฉงชิ่ง” (Chengdu–Chongqing Economic Circle) ให้เป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ระหว่าง Belt and Road Initiative (BRI) และ แนวเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Economic Belt) พร้อมเป็นต้นทางของโครงการ ทางเดินบก–ทะเลสายใหม่ (New Western Land-Sea Corridor) ซึ่งเป็นเส้นทางโลจิสติกส์เชื่อมจีนตะวันตกกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปี 2566 เฉิงตูมีประชากร 21.4 ล้านคน และฉงชิ่ง 31.9 ล้านคน รวมผลผลิตมวลรวม (GDP) กว่า 5.2 ล้านล้านหยวน ถือเป็น “ขั้วเศรษฐกิจใหม่” ที่มีศักยภาพสูงด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และตลาดผู้บริโภค
ภายในปี 2578 (ค.ศ. 2035) จีนตั้งเป้าให้ เฉิงตู–ฉงชิ่ง ก้าวสู่ระดับ “มหานครนานาชาติสมัยใหม่” โดยมีแนวทางพัฒนาเด่นดังนี้
"เฉิงตู" (Chengdu) เน้นการสร้าง “เมืองสวนต้นแบบ” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เสริมบทบาทศูนย์กลางนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมระดับโลก
"ฉงชิ่ง" (Chongqing) มุ่งพัฒนาเป็น “มหานครการผลิตขั้นสูง” และศูนย์กลางการเงิน–โลจิสติกส์ทางน้ำของจีนตะวันตก พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและสิ่งแวดล้อมเมือง
แผนฉบับนี้บูรณาการยุทธศาสตร์หลักของประเทศ 4 ด้าน เพื่อผลักดันการเติบโตแบบ “เกื้อหนุนกัน” ได้แก่
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาประสานกันระหว่างภูมิภาค
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาในพื้นที่สำคัญ
3. ยุทธศาสตร์เขตหน้าที่หลักของประเทศ (Functional Zoning)
4. ยุทธศาสตร์การสร้างเมืองรูปแบบใหม่ (New-type Urbanization)
โดยทั้งหมดมุ่งให้เกิดระบบเศรษฐกิจภูมิภาคที่มีคุณภาพสูง ใช้ประโยชน์จากศูนย์เติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ เช่น เขตเศรษฐกิจปักกิ่ง–เทียนจิน–เหอเป่ย เขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และเขตอ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า
ทั้งนี้ สคต. ณ นครเฉิงตู ให้ความเห็นว่า คงต้องจับตาโอกาสใหม่ในเขตเศรษฐกิจเฉิงตู–ฉงชิ่ง พื้นที่นี้จะกลายเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมของจีนตะวันตก” ซึ่ง ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณาลงทุนในห่วงโซ่การผลิตขั้นกลาง–ปลาย เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง–พลาสติกขั้นแปรรูป อาหารเพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เกษตรมูลค่าสูง เน้นจับคู่กับนิคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในเฉิงตู–ฉงชิ่ง ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและโลจิสติกส์
ควรใช้ประโยชน์จาก New Western Land-Sea Corridor เส้นทางนี้เชื่อมจีนตะวันตกกับอาเซียนโดยตรงผ่านรถไฟ–ท่าเรือ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เส้นทางนี้ลดต้นทุนการขนส่ง สำหรับสินค้าการเกษตร อาหาร และวัตถุดิบอุตสาหกรรม รวมถึงการพิจารณาร่วมลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าไทย (Thai Distribution Hub) ในเฉิงตูหรือฉงชิ่ง เพื่อกระจายสินค้าสู่ตลาดจีนตอนใน
ในส่วนของโอกาสด้านบริการและ Soft Power เมืองคู่เฉิงตู–ฉงชิ่งกำลังผลักดันอุตสาหกรรมวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และบริการสมัยใหม่ ธุรกิจไทยสามารถใช้ Thai Select / Thai Wellness / Thai Creative Cuisine เป็นจุดขายเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ในขณะที่สินค้า “Lifestyle & Wellness” และ “ESG Supply Chain” กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นตามแนวนโยบายคุณภาพชีวิตสูง พัฒนาเครือข่ายพันธมิตรท้องถิ่น
การขยายธุรกิจในจีนตะวันตกควรดำเนินการผ่าน พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) เช่น สมาคมการค้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี หรือบริษัทโลจิสติกส์ท้องถิ่น เพื่อเข้าถึงข้อมูล นโยบาย และสิทธิประโยชน์ในระดับมณฑลได้รวดเร็วขึ้น
“แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ของจีน เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มุ่งสู่ “ความทันสมัยแบบจีน” โดยเฉพาะในภาคตะวันตก ซึ่งเมืองคู่ เฉิงตู–ฉงชิ่ง จะเป็นหัวหอกของการเติบโตในยุคใหม่ ผู้ประกอบการไทยที่สามารถเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต เทคโนโลยี และวัฒนธรรมเข้ากับพื้นที่นี้ จะมีโอกาสขยายตลาดในจีนอย่างยั่งยืน และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจภูมิภาคในทศวรรษหน้า”







