20 ปี “สิ่งทอโลก” พลิกสู่เทคโนโลยี กรมทรัพย์สินฯ ชี้ไทยพร้อมขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทออาเซียน

20 ปี “สิ่งทอโลก” พลิกสู่เทคโนโลยี กรมทรัพย์สินฯ ชี้ไทยพร้อมขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทออาเซียน

กรมทรัพย์สินทางปัญญา เจาะบทวิเคราะห์เทรนด์ “สิทธิบัตรสิ่งทอ” ในรอบ 2 ทศวรรษ พบทั่วโลกปรับตัวเข้าสู่เทคโนโลยีขั้นสูง แนะภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยดึงจุดแข็งของประเทศ หนุนไทยพลิกบทบาทจากผู้ผลิตสู่เจ้าของนวัตกรรม เพื่อขยับขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทอ ของภูมิภาคอาเซียน (Textile Tech Hub)

KEY

POINTS

  • อุตสาหกรรมสิ่งทอโลกในรอบ 20 ปีได้เปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาแรงงานสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง
  • กรมทรัพย์สินทางปัญญาชี้ว่าไทยมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำและศูนย์กลางนวัตกรรมสิ่งทอของอาเซียน โดยมีอัตราการเติบโตของสิทธิบัตรสูงต่อเนื่อง
  • ไทยมีจุดแข็งด้านความพร้อมของวัตถุดิบทางการเกษตร เครือข่ายนักวิจัย และโรงงานการผลิตครบวงจร เพื่อพัฒนานวัตกรรมสิ่งทอยั่งยืนและสิ่งทอทางการแพทย์

​กรมทรัพย์สินทางปัญญา  กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีสิทธิบัตรนวัตกรรมสิ่งทอในรอบ 20 ปี พบว่า อุตสาหกรรมสิ่งทอโลกถูกบีบให้ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง จากแรงกดดันเรื่องต้นทุน การใช้ทรัพยากร สิทธิแรงงาน ตลอดจนกระแสนิยมของผู้บริโภคด้านแฟชั่น

จากอุตสาหกรรมที่เคยพึ่งแรงงานการผลิต กลายเป็นสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ตั้งแต่เทคโนโลยีเส้นใยชีวภาพที่ย่อยสลายได้เอง เทคโนโลยีนาโนเคลือบผ้าเพื่อกันน้ำหรือกันเชื้อโรค ไปจนถึงหุ่นยนต์ AI และเทคโนโลยีการพิมพ์ผ้าแบบ 3 มิติ

จากการศึกษาข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก พบว่า ประเทศที่ถือครองสิทธิบัตรนวัตกรรมสิ่งทอมากที่สุด ได้แก่ จีน โดยผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมสิ่งทอหลักของจีนจะเป็นมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัย Donghua มหาวิทยาลัย Jiangnan และมหาวิทยาลัย Wuhan) สหรัฐอเมริกา (เช่น Procter & Gamble สิ่งทอในผลิตภัณฑ์สุขอนามัย อาทิ ผ้าอ้อม ผ้าเช็ดทำความสะอาด) ญี่ปุ่น (เช่น สิ่งทอชีวภาพ และเส้นใยเฉพาะทาง) อินเดีย และเกาหลีใต้

ขณะที่ประเทศที่น่าจับตามองในตลาดนี้ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย ลักเซมเบิร์ก และเวียดนาม ซึ่งล้วนมีปริมาณสิทธิบัตรเติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 250% ต่อปี

“อรมน ทรัพย์ทวีธรรม “ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า ประเทศไทย แม้จะยังมีจำนวนสิทธิบัตรไม่มากนัก แต่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 100% ต่อปี โดยมีสัญญาณบวกจากนโยบายของภาครัฐและการขยับตัวของภาคเอกชน โดยเฉพาะสิ่งทอทางการแพทย์ การใช้สีธรรมชาติ และแฟชั่นที่ยั่งยืน

20 ปี “สิ่งทอโลก” พลิกสู่เทคโนโลยี กรมทรัพย์สินฯ ชี้ไทยพร้อมขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทออาเซียน

จากสถิติคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอในไทย ในช่วงปี 3 ปีหลัง (2566 – 2568) มีการยื่นคำขอสิทธิบัตร 349 คำขอ (ต่างชาติ 327 คำขอ และไทย 22 คำขอ) และคำขออนุสิทธิบัตร 185 คำขอ (ต่างชาติ 10 คำขอ และไทย 175 คำขอ)  ส่วนการจดทะเบียน มีการจดทะเบียนสิทธิบัตร 312 ฉบับ (ต่างชาติ 296 ฉบับ และไทย 16 ฉบับ) และจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร 83 ฉบับ (ต่างชาติ 2 ฉบับ และไทย 81 ฉบับ)

ผู้ที่ยื่นคำขอสิทธิบัตรสูงสุด 3 อันดับแรก มาจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล ไลฟ์ โซลูชั่นส, อิงค. บริษัท โทเรย์ อินดัสทรีส, อิงค. และบริษัท พานาโซนิค อินเทเลคชัวล์ พร็อพเพอร์ตี้ เมเนจเมนท์ โค., แอลทีดี. และผู้ที่ยื่นคำขออนุสิทธิบัตรสูงสุด 3 อันดับแรก เป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยไทย ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

โดยมีนวัตกรรมสิ่งทอที่น่าสนใจ อาทิ นวัตกรรมผ้าไม่ทอ (Nonwoven) ขั้นสูง เช่น เส้นใยคอมโพสิต ผ้าลามิเนต ผ้าเมลต์โบลนผ้าสปันบอนด์ เป็นการเพิ่มความหนา การทนความร้อน และความเหนียว นวัตกรรมสิ่งทอใช้วัสดุเส้นใยรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ เช่น เส้นใยไลโอเซล เส้นใยคอนจูเกตละลายด้วยความร้อน ด้ายกระดาษ และผ้ากระดาษ นวัตกรรมสิ่งทอที่ใช้เทคนิคและวัสดุที่มีประสิทธิภาพ เช่น ผ้าถุงลมนิรภัย ผ้าทนไฟ ผ้าที่ให้สัมผัสเย็น เป็นต้น

สำหรับทิศทางนวัตกรรมสิ่งทอในปัจจุบัน นางอรมน ระบุว่า  จะมุ่งไปใน 4 ด้านสำคัญที่ตอบโจทย์ความท้าทายแห่งอนาคต ได้แก่ 1. สิ่งทอยั่งยืน (Sustainable Textile) ด้วยนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกร่วมขับเคลื่อนจึงสนับสนุนให้เทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในช่วงเติบโตอย่างแท้จริง และคาดว่าในระยะ 3 – 5 ปีข้างหน้ายังมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนจากตัวเลือกเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม

20 ปี “สิ่งทอโลก” พลิกสู่เทคโนโลยี กรมทรัพย์สินฯ ชี้ไทยพร้อมขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทออาเซียน

โดยเน้นการพัฒนาเส้นใยและสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้เส้นใยจากพืช วัสดุเหลือทิ้ง หรือวัสดุที่ย่อยสลายได้เอง ขณะเดียวกันก็มุ่งลดการใช้พลังงาน น้ำ และสารเคมีในกระบวนการผลิต พร้อมผลักดันห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใสและมีจริยธรรมมากขึ้น

ภาพรวมมีสิทธิบัตรมากกว่า 800 ฉบับต่อปี โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10 - 15% ต่อปี และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ช่วงเร่งเติบโตใน 3 - 5 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันญี่ปุ่นถือเป็นผู้เล่นแถวหน้าในกลุ่มนี้ ตามด้วย จีน สหรัฐฯ ซึ่งผู้ถือสิทธิบัตรในกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่บริษัทแฟชั่นหรือสิ่งทอเท่านั้น แต่ได้ขยายวงกว้างไปถึงสถาบันการศึกษาและอุตสาหกรรมสุขอนามัยและการแพทย์ ที่หันมาให้ความสำคัญกับนวัตกรรมสิ่งทอในผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมและผ้าเช็ดทำความสะอาด ตลอดจนวัสดุชีวการแพทย์

2. นาโนเทคโนโลยี (Nanotech Textile) เทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโลกสิ่งทออย่างเงียบๆ แต่ทรงพลัง ด้วยความต้องการผ้าที่ทำงานได้มากกว่าแค่ความสวยงาม เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นการเคลือบหรือผสมอนุภาคระดับนาโนลงไปในเส้นใยโดยตรง ทำให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษที่เทคนิคดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ ทั้งช่วยเพิ่มความแข็งแรง กันน้ำ

ต้านแบคทีเรีย หรือแม้แต่ป้องกันรังสี UV ได้ โดยมีจีนครองแชมป์งานวิจัยและเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมนาโนไฟเบอร์ รวมทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น รวมผู้ถือสิทธิบัตรมากกว่า 700 ฉบับต่อปี ซึ่งตลาดนี้อยู่ในช่วงเติบโตและยังมีโอกาสเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นใหม่

3. การผลิตอัตโนมัติ (Automation & Digitalization) เป็นการนำหุ่นยนต์ เทคโนโลยี AI และ Data Analytics เข้าสู่สายการผลิตสิ่งทอ เพื่อเปลี่ยนจากโรงงานดั้งเดิมไปสู่โรงงานอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำ ยืดหยุ่นในกระบวนการผลิต และลดของเสีย เทคโนโลยีดังกล่าวมีผู้ถือสิทธิบัตรมากกว่า 500 ฉบับต่อปี โดยมีญี่ปุ่นและจีนเป็นผู้ครองตลาด แต่มีแนวโน้มเป็นช่วงขาลง เนื่องจากผู้เล่นใหม่เริ่มน้อย

4. การพิมพ์สามมิติ (3D Printed Textile) คือกุญแจสู่ Mass Customization หรือการผลิตเสื้อผ้าเฉพาะบุคคล แฟชั่นไฮเอนด์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผลิตตามสรีระผู้ใช้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในช่วงเติบโต แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว โดยมีจีนเป็นผู้ครองตลาด ตามมาด้วยญี่ปุ่น รวมมีผู้ถือสิทธิบัตรมากกว่า 300 ฉบับต่อปี

“อุตสาหกรรมสิ่งทอได้ก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีสิ่งทอขั้นสูงไทยจึงไม่ควรหยุดอยู่แค่การทำ OEM หรือการที่โรงงานรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่นตามแบบที่ลูกค้ากำหนด แต่ไทยมีทั้งวัตถุดิบ โรงงาน นักวิจัย และแรงงานมีฝีมือ ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมสิ่งทอ (Textile Tech Hub) ของภูมิภาคอาเซียนได้”นางอรมน กล่าว

20 ปี “สิ่งทอโลก” พลิกสู่เทคโนโลยี กรมทรัพย์สินฯ ชี้ไทยพร้อมขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทออาเซียน

 ทั้งนี้ไทยมีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบการเกษตรที่หลากหลาย โรงงานการผลิตจากต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งเครือข่ายนักวิจัยในสถาบันการศึกษา สามารถสร้างนวัตกรรมจากการนำจุดแข็งด้านการเกษตรมาพัฒนาสิ่งทอยั่งยืนหรือเส้นใยชีวภาพจากสับปะรด ปอ กัญชง หรือแม้แต่เปลือกกล้วย รวมถึงการรีไซเคิลพลาสติกและเสื้อผ้าเก่า

นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนานาโนเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เช่น หน้ากากกรองฝุ่น PM2.5 และผ้าต้านแบคทีเรีย ตลอดจนการนำ AI และหุ่นยนต์มาช่วยตรวจคุณภาพและผลิตงานเฉพาะทาง เช่น ชุดกีฬา และการแพทย์ รวมทั้งการพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งเป็นเทรนด์ตอบโจทย์ความยั่งยืนที่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกให้ความสำคัญ โดยไทยต้องเร่งผลักดันและพัฒนางานวิจัยสู่การจดสิทธิบัตรและต่อยอดในเชิงพาณิชย์ เพื่อเปิดทางให้นวัตกรรมสิ่งทอไทยเติบโตสู่สากล