เศรษฐกิจไทยโตต่ำ อย่า 'ชะล่าใจ' ส.อ.ท. ชงด่วน! พลิกเกมอุตสาหกรรม

เศรษฐกิจไทยโตต่ำ อย่า 'ชะล่าใจ' ส.อ.ท. ชงด่วน! พลิกเกมอุตสาหกรรม

ชงด่วน! "โครงสร้างอุตสาหกรรมต้องพลิกเกม" ส.อ.ท. ส่งสัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทยชะลอตัว- จี้ยกเครื่องอุตสาหกรรมเร่งด่วนก่อน “ประเทศติดหล่ม” อย่าชะล่าใจ

KEY

POINTS

  • เกรียงไกร ประธาน ส.อ.ท. เตือนว่าปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ใช่แค่ GDP โตต่ำ แต่เป็น “โครงสร้างอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงลงทั้งระบบ” และหากไม่เร่งแก้ไข ประเทศอาจติดหล่มยาว
  • ส.อ.ท. ชี้ว่าหากไม่เร่งปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรม ไทยอาจถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงภายใน 5 ปี โดยอันดับการเติบโตในอาเซียนอาจร่วงจากที่ 2 ไปอยู่อันดับ 5 ตามที่ IMF เคยประเมิน
  • เสนอ 5 แนวทางเร่งด่วนเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม ได้แก่ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่, ลดต้นทุนพลังงาน, ยกระดับ SME สู่ S-Curve ใหม่, เร่งเบิกจ่ายงบรัฐ และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
  • แม้เผชิญความท้าทาย แต่ไทยยังมีโอกาสเติบโตจากอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบตเตอรี่ ดิจิทัล ดาต้าเซ็นเตอร์ 
  • ประธาน ส.อ.ท. ย้ำว่าตัวเลข GDP ที่ยังขยายตัวไม่ควรทำให้ไทย "ชะล่าใจ" เพราะเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2568 ขยายตัวเพียง 1.2% และคาดทั้งปีโตได้เพียงราว 2% ต่ำกว่าประเมินเดิมของภาคเอกชนที่ 1.5-1.7% สะท้อนแรงเฉื่อยของโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากไม่เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก่อน ประเทศอาจติดหล่มยาว เพราะปัญหาที่ไทยเผชิญวันนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลข GDP ต่ำ แต่เป็น “โครงสร้างอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงลงทั้งระบบ” ท่ามกลางแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้ออ่อนแรง และภาวะตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ฉุดภาคส่งออก

เศรษฐกิจอ่อนแรง ต้อง “พลิกเกม” ให้ทัน

โดยข้อมูลจาก สศช. ชี้เศรษฐกิจไทยปี 2569 อาจเติบโตได้เพียง 1.2-2.2% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังรุมเร้า ทั้งการบริโภค-การลงทุนภาครัฐที่ชะลอ การส่งออกสินค้าคงทนที่หดตัว และสภาพอากาศสุดขั้วที่กระทบห่วงโซ่การผลิตบางอุตสาหกรรม

ปีนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 1.8-2.2% และส่งออกจะเพิ่มขึ้นถึง 9.5–10.5% จากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เริ่มมีผล

ดังนั้น หากไม่เร่งยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรม ไทยอาจถูกประเทศเพื่อนบ้าน “แซง” ใน 5 ปีข้างหน้า โดย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เคยประเมินว่าไทยเคยเติบโตอยู่ลำดับที่ 2 ในอาเซียน แต่ปัจจุบันโตเฉลี่ยเพียง 2% ต่อปี ทำให้มีโอกาสตกชั้นไปอยู่อันดับ 5 ได้ หากยังไม่เริ่มปฏิรูปอย่างจริงจัง

แม้เผชิญความท้าทายหลายด้าน แต่ไทยยังไม่หมดโอกาส หากสามารถผลักดันอุตสาหกรรมอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), แบตเตอรี่, ดิจิทัล, ดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ควบคู่กัน โดยมาตรการ “Quick Big Win” ของรัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ

ชง 5 ข้อเสนอใหญ่ ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย

ทั้งนี้ ส.อ.ท. เสนอให้รัฐเดินหน้ารีโครงสร้างอุตสาหกรรมด้วย 5 แนวทางเร่งด่วน ได้แก่

1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ โดยยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ Smart Industrial Estate รองรับเทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจหมุนเวียน

2. ลดต้นทุนพลังงาน-ค่าครองชีพ เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในระยะยาว

3. ยกระดับศักยภาพ SME ไทย ให้พร้อมเข้าสู่ S-Curve / New S-Curve เช่น EV แบตเตอรี่ อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ ดาต้าเซ็นเตอร์

4. เร่งเบิกจ่ายงบรัฐ ซึ่งรัฐบาลควรเบิกจ่ายให้ SME ภายใน 30-45 วัน และคืนหลักประกันสัญญาภายใน 15 วัน เพื่อเติมสภาพคล่องให้ธุรกิจ

5. ดึงดูดการลงทุนต่างชาติ (FDI) เร่งวางไทยเป็นฐานผลิตยุคใหม่ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานพร้อม และนโยบายจูงใจเชิงรุก

เพื่อนบ้านจี้ ส่งออกสะดุด จีนท่วมตลาด

นายเกรียงไกร กล่าวว่า แรงกดดันต่อภาคอุตสาหกรรมมีเพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น 1.ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ต.ค. 2568 อยู่ที่ 87.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า

2. ส่งออกสินค้าคงทนลดลง โดยเฉพาะรถยนต์สันดาป-เครื่องปรับอากาศ

3. สินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มแรงกดดัน (ม.ค.-ก.ย. 2568 เพิ่มขึ้น 33.49%)

4. ความเสี่ยงน้ำท่วมและอุทกภัย กระทบภาคการผลิตและการค้าชายแดน

5. ตลาดเมียนมาหดตัว 40.8% และกัมพูชาหดเกือบ 100%

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือนปรับขึ้นสู่ 93.5 จาก 91.8 สะท้อนความคาดหวังต่อมาตรการรัฐ เช่น โครงการแก้หนี้ครัวเรือนผ่าน AMC, วงเงินค้ำประกันสินเชื่อ SME 50,000 ล้านบาทผ่าน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และแผนเร่งรัดเบิกจ่ายงบปี 2569 วงเงิน 4.37 ล้านล้านบาท

"ตัวเลข GDP ที่ยังขยายตัวไม่ควรทำให้ไทย 'ชะล่าใจ' เพราะเป้าหมายสำคัญคือการยกระดับศักยภาพแข่งขันของประเทศในทศวรรษหน้า ทุกอุปสรรคมีโอกาสซ่อนอยู่ หากรวมพลังกันปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เราจะนำเศรษฐกิจไทยผ่านช่วงเปราะบางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนได้”

ทิศทางในไตรมาส 4 และปี 2569 จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าไทยสามารถ “เร่งเครื่องปฏิรูปโครงสร้าง” ได้ทันก่อนโอกาสหลุดมือหรือไม่