ปตท. ชูกลยุทธ์ปี 2569 ลงทุน 'สมดุล' รับกติกาการค้าโลก

"ปตท." ชูกลยุทธ์ ปี 2569 เน้นลงทุนต้อง "สมดุล" รับมือกติกาการค้าโลก ลั่นหนุนรัฐบาลมุ่งสู่เป้า Net Zero ลุยล็อกไลเซ่น CCS
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอ ภูมิรัฐศาสตร์เดือด และตลาดพลังงานที่ยังอิ่มตัว บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกรับปี 2569 เร่งปรับพอร์ตธุรกิจพลังงานแบบ “สมดุล” ทั้งสร้างความมั่นคงพลังงานประเทศ-รักษาผลตอบแทนผู้ถือหุ้น พร้อมดันธุรกิจ LNG เทรดดิ้ง ขึ้นเป็นผู้เล่นระดับสากล ตั้งเป้าวอลุ่มแตะ 15 ล้านตันในปี 2578
ทั้งนี้ ปตท. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จำนวน 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 21% จากปีก่อน จากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และกำไรจากซื้อคืนหุ้นกู้ของไทยออยล์ และ GC หนุนลดภาระดอกเบี้ยอนาคต
ส่วนผลประกอบการ 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 64,632 ล้านบาท แม้ลดลงจากปีก่อน แต่ยังจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ 0.90 บาทต่อหุ้น สะท้อนการบริหารต้นทุน และสภาพคล่องที่เข้มแข็ง
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. ระบุว่า โครงการ EBITDA Uplift และการบริหารหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มกำไรกลุ่มกว่า 15,000 ล้านบาท ในปีนี้
ทั้งนี้ ปตท. ประเมินปี 2569 ยัง “ท้าทายกว่าเดิม” จากเศรษฐกิจโลกถดถอยและซัพพลายพลังงานล้นตลาด ราคาน้ำมัน-ก๊าซ-ปิโตรเคมี มีแนวโน้ม “ทรงตัว” ทำให้ สภาพคล่อง เป็นปัจจัยสำคัญในการประคองผลกำไร
โดยกลยุทธ์ปีหน้าเน้น ลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี สร้าง Synergy ภายในกลุ่ม ปรับพอร์ตธุรกิจแบบ “Balance” ทั้งด้านความมั่นคงประเทศ และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น เตรียมศึกษาการซื้อหุ้นคืน (Share Repurchase)
โดยกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศปีนี้ทำ LNG ไปแล้วกว่า 2.2 ล้านตัน และเตรียมลงนามสัญญาระยะยาวเพิ่มอีก 1.6 ล้านตัน และวางเป้าวอลุ่มเทรดดิ้ง 10 ล้านตัน ปี 2573 และ15 ล้านตัน ปี 2578
"2-3 ปีข้างหน้า ราคาก๊าซทั่วโลกมีแนวโน้มอ่อนตัว จากกำลังผลิตใหม่ไหลเข้าตลาด ถือเป็น “โอกาสทอง” ให้ ปตท. เข้าไปลงทุนแหล่งต้นน้ำ ทั้งใน ตะวันออกกลาง-สหรัฐ เพื่อมีซัพพลายในมือ และผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานเอเชีย"
สำหรับแผนปรับพอร์ตโรงกลั่น และปิโตรเคมี อยู่ระหว่างหารือ Strategic Partners หลายราย คาดสรุปปีหน้า ย้ำไม่ใช่การขายหุ้น แต่เป็นการหาพันธมิตรเพื่อสร้าง Synergy ทั้งกลุ่ม
ปตท. เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก (Non-Hydrocarbon) เช่น ลดสัดส่วนลงทุน EV Value Chain ขายหุ้น CATL และบริษัท NMA ปรับสัดส่วนใน Lotus (INBA) ให้คล่องตัวขึ้นในตลาดสหรัฐ
โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ เพื่อดึงเงินสดกลับมาหนุนธุรกิจหลัก ภายในปีหน้า ผ่านโครงการยกระดับประสิทธิภาพทั้งกลุ่มทำผลงานเด่น อาทิ P1/D1 ดันประสิทธิภาพ Supply Chain รวม 3,634 ล้านบาท, MissionX ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA 10,000 ล้านบาทในปีนี้ และพุ่งเป็น 30,000 ล้านบาทปี 2570, Digital/AI ช่วยสร้างมูลค่าแล้ว 155 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้า 200 ล้านบาท
ส่วนแผน Asset Monetization จะเป็นคีย์หลักสร้างกระแสเงินสดรวม กว่า 1 แสนล้านบาทในปี 2568–2569 โดยใช้ PTT Tank เป็น Infrastructure Flagship รับซื้อสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานจาก GC และ TOP ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่ม ปตท. มี EBITDA 9 เดือนแรก 257,957 ล้านบาท และเงินสดในมือกว่า 413,718 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปตท. เดินหน้าสู่เป้าหมาย ลดก๊าซเรือนกระจก 15% ภายในปี 2578 บรรลุ Net Zero ปี 2593 โครงการ CCS ที่แหล่ง “อาทิตย์” จะเริ่มเดินเครื่องปี 2571 กักเก็บ CO₂ ได้สูงสุด 1 ล้านตันต่อปี และเป็นต้นแบบสู่ EEC CCS Hub ในอนาคต
ปตท. ย้ำพร้อมสนับสนุนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยเฉพาะการผลักดัน CCS–Hydrogen–Ammonia Co-firing เพื่อสร้างระบบพลังงานใหม่ให้ไทย พร้อมใช้ศักยภาพบริษัทผลักดันประเทศสู่ศูนย์กลางพลังงาน และการลงทุนในภูมิภาคอย่างเต็มกำลัง
"การลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในธุรกิจต่างๆ ส่วนสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เตรียมการรองรับอยู่แล้ว ซึ่งกรณีของสหรัฐมีการปรับนโยบายตลอดเวลา เช่นเดียวกับสถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่ชายแดน ก็มีแผนรองรับอยู่แล้วเช่นกัน โดย ปตท.อยู่ระหว่างการพิจารณางบ และแผนลงทุนปี 2569 โดยจะพิจารณาเสร็จภายในปีนี้"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







