นบข. ไฟเขียวจ่ายไร่ 2,000บาทเลิกทำนาปรังปรับสู่พืชหลังนา

นบข. ไฟเขียวจ่ายไร่ 2,000บาทเลิกทำนาปรังปรับสู่พืชหลังนา

“นบข.” เห็นชอบให้ชาวนาปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชหลังนา 2,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน ขณะกระทรวงเกษตรฯเร่งดูดซับข้าวเปลือกนาปี พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวตามความต้องการของตลาด

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบาย และบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารจัดการข้าวของประเทศ รวมถึงการผลิต การตลาด และการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

 ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีนี้ตลาดข้าวโลกมีความผันผวนสูง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เร่งดำเนินการขายข้าว โดยเฉพาะการบรรลุข้อตกลงขายข้าว ให้สาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่มเติมอีก 500,000 ตันถือเป็นการบรรลุผลสำเร็จ จะส่งผลให้ราคาข้าวหอมมะลิจะขยับ มาอยู่ในระดับ 13,000 บาทต่อตันขึ้นไป

นบข. ไฟเขียวจ่ายไร่ 2,000บาทเลิกทำนาปรังปรับสู่พืชหลังนา

นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ปิดดีลขายข้าวและอาหารล่วงหน้า (Food Security) ให้สิงคโปร์ 100,000 ตัน ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานทำหน้าที่เป็น “เซลล์แมน” ในการขายสินค้าไทยให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน ขอให้รักษาและปรับปรุงคุณภาพข้าวของไทยให้ดีที่สุด เพราะข้าวไทยยกระดับเกินกว่าการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรด้วยมาตรการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด

นบข. ไฟเขียวจ่ายไร่ 2,000บาทเลิกทำนาปรังปรับสู่พืชหลังนา

สำหรับที่ประชุมได้เห็นชอบ 5 เรื่อง ได้แก่

1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 โดย ปรับวงเงินสินเชื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาด ข้าวเปลือกเจ้า จาก 8,000 บาท/ตัน เป็น 5,800 บาท/ตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี จาก 9,000 บาท/ตัน เป็น 7,600 บาท/ตัน ข้าวเปลือกเหนียวจาก 10,000 บาท/ตัน เป็น 8,600 บาท/ตัน ทั้งนี้ มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำรายละเอียดงบประมาณเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

 2) การขยายระยะเวลาโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 ให้ขยายออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมสิ้นสุด 31 ต.ค. 68 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. 69

 3) มาตรการดูดซับผลผลิตข้าวส่วนเกิน ปีการผลิต 2568/69 และมาตรการระยะยาว เพื่อปรับปรุงโครงสร้างการผลิต ประกอบด้วย 3 โครงการย่อย ได้แก่

- โครงการดูดซับข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 โดยมอบหมายให้องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับซื้อข้าวในราคานำตลาด (บวกไม่เกิน 300 บาท/ตัน) เพื่อสีแปรสภาพและกระจายสู่ตลาดปลายทาง เป้าหมาย 3 ล้านตันข้าวเปลือก เน้นกลุ่มข้าวขาวเป็นหลัก

- โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชหลังนาเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร โดยสนับสนุนเกษตรกร 2,000 บาท/ไร่ (ไม่เกิน 10 ไร่/ครัวเรือน) เพื่อปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ตลาดต้องการ จำนวน 1 ล้านไร่

- การสนับสนุน การปลูกข้าวคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มมูลค่า (ข้าวประณีต) โดยเชื่อมโยงตลาด (Business Matching) และสนับสนุนเครื่องจักร อุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก เป้าหมายกลุ่มเกษตรกร 200 กลุ่ม และมอบหมายกรมการข้าว พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวตามความต้องการ ของตลาด

4) ทบทวนกฎระเบียบการนำเข้าข้าวตามพันธกรณีภายใต้ WTO ของไทย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (MAFF) ของญี่ปุ่น ได้ร้องขอให้ไทยพิจารณาเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นภายใต้ โควตา WTO เพื่อให้สอดคล้อง กับความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในไทย ดังนั้น เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ทางการค้าที่ดีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้แก้ไขระเบียบฯ โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้าสำหรับผู้มีสิทธิ แต่ละราย จากเดิม ไม่เกิน 100 เมตริกตัน/ราย/งวด เป็น ไม่เกิน 300 เมตริกตัน/ราย/งวด

 และ 5) การแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ แบ่งออกเป็น 4 คณะย่อย ได้แก่ คณะอนุกรรมการ นโยบายและบริหารข้าว แห่งชาติด้านการผลิต คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด คณะอนุกรรมการพิจารณาชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก และคณะอนุกรรมการติดตาม กำกับดูแลการบริหารจัดการ ข้าวระดับจังหวัด เพื่อให้เกิดผลดี ต่อการพัฒนาระบบการผลิตข้าว กำหนดราคาที่เป็นธรรม เป็นผลดีต่อเกษตรกรไทย