“คนละครึ่งพลัส” ยอดใช้จ่ายทะลุ 4.56 หมื่นล้าน เผย 1 ล้านคนใช้สิทธิครบวงเงินแล้ว

“คนละครึ่งพลัส” ยอดใช้จ่ายทะลุ 4.56 หมื่นล้าน เผย 1 ล้านคนใช้สิทธิครบวงเงินแล้ว

“คลัง” สรุปยอดใช้จ่าย “คนละครึ่งพลัส” ล่าสุด ประชาชนใช้จ่ายคึกคัก ดันเงินหมุนเวียนเฉียด 4.6 หมื่นล้านบาท พบกลุ่มใช้ครบโควตา แล้วกว่า 1.08 ล้านคน

รายงานจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยตัวเลขความคืบหน้า "โครงการคนละครึ่ง พลัส" ล่าสุด ณ วันที่ 18 พ.ย.2568 เวลา 23.00 น. พบว่าบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยยอดการใช้จ่ายสะสมรวมในโครงการฯ ล่าสุดอยู่ที่ 45,663.2 ล้านบาท 

โดยเมื่อแยกรายละเอียดแหล่งที่มาของเงิน พบว่ากำลังซื้อของประชาชนยังคงแข็งแกร่ง โดยมีการใช้จ่ายส่วนของประชาชนสูงถึง 23,143.2 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าวงเงินที่รัฐบาลร่วมจ่ายที่ 22,520.0 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการคนละครึ่ง พลัส นี้สามารถดึงเม็ดเงินจากกระเป๋าประชาชนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้จริง

โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการที่ใช้จ่ายครบเต็มวงเงินสิทธิได้พุ่งทะลุหลักล้านคนแล้ว โดยมีจำนวนล่าสุดอยู่ที่ 1,080,696 ราย สะท้อนถึงความความถี่ในการใช้จ่ายที่สูงมาก

สำหรับช่องทางการใช้จ่าย แบ่งเป็น ร้านค้าทั่วไป (หน้าร้าน) ซึ่งยังคงเป็นช่องทางหลัก มียอดใช้จ่ายรวม 44,535.3 ล้านบาท และฟู้ดเดลิเวอรี (Food Delivery Platform) มียอดใช้จ่ายเติบโตทะลุหลักพันล้านบาทแล้ว โดยอยู่ที่ 1,127.9 ล้านบาท

ในด้านฝั่งร้านค้า มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการตรวจสอบแล้วจำนวนทั้งสิ้น 950,452 ราย ซึ่งครอบคลุมทั้งร้านค้าทั่วไปและร้านอาหารเครื่องดื่มทั่วประเทศ

โดยในวันนี้ (19 พ.ย.) ยังเป็นวันแรกสำหรับโครงการอัปสกิลร้านค้าที่เข้าร่วม "คนละครึ่งพลัส" ซึ่งภาครัฐจะให้เงินอุดหนุนร้านค้าที่เข้าร่วมการอบรมและดำเนินการ Upskill หรือ Reskill โดยร้านค้าจะได้รับเงินสนับสนุนพิเศษ 20% ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่งพลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย วงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อร้านค้า โดยคำนวณสิทธิจากยอดขายนับตั้งแต่วันที่ร้านค้าดำเนินการอบรมอัปสกิลสำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2568

อย่างไรก็ตาม โครงการจะจำกัดสิทธิสำหรับร้านค้า 400,000 รายแรก ที่ดำเนินการสำเร็จตามลำดับ (First-come, first-served) โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าบัญชี "ถุงเงิน" ของร้านค้าในวันที่ 25 ธ.ค. 2568

ทั้งนี้ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะต้องเลือกดำเนินการ Upskill หรือ Reskill ในช่องทางที่ตนเองถนัดอย่างน้อย 1 อย่าง ภายในวันที่ 19 พ.ย. ถึง 19 ธ.ค. 2568 ดังนี้

1.อบรมออนไลน์ ผ่านธนาคารออมสิน เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ด้านความรู้ทางการเงิน เช่น การทำบัญชี, เทคนิคตั้งราคา, การทำธุรกิจดิจิทัล โดยบุคคลธรรมดาต้องผ่าน 3 หลักสูตร ส่วนนิติบุคคล 1 หลักสูตร

2.อบรมออนไลน์ ผ่านกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรียนผ่านระบบ DBD Academy เพื่อเสริมทักษะการดำเนินธุรกิจ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย โดยต้องเลือกเรียนและผ่านการทดสอบอย่างน้อย 1 วิชา

โดยหลังจากอบรมผ่านแล้ว จะมีการเปิดให้ทดลองใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ที่เข้าร่วมในโครงการ AI Transformation ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เพื่อทดลองใช้งานสินค้าและบริการดิจิทัล (d-voucher) ฟรีอย่างน้อย 6 เดือน ในหมวดหมู่ที่กำหนด เช่น ส่งเสริมการขาย, การเงินและบัญชี, บริหารจัดการธุรกิจ

3.เข้าร่วมแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ใน 4 แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ได้แก่ Grab Lineman Robinhood และ ShopeeFood ผ่านแอปฯ "ถุงเงิน" โดยร้านค้าที่เข้าเงื่อนไขจะต้องไม่เคยอยู่ในฐานข้อมูลของแพลตฟอร์มที่ตนเลือก ณ วันที่ 18 พ.ย. 2568 และจะต้องมีคำสั่งซื้อผ่าน "คนละครึ่งพลัส" บนแพลตฟอร์มนั้น อย่างน้อย 5 รายการ ภายในวันที่ 19 ธ.ค. 2568

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดหวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้ร้านค้าขนาดเล็กสามารถปรับตัว ต่อยอดธุรกิจ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพต่อไป

ไทม์ไลน์โครงการ

  • 19 พ.ย. - 19 ธ.ค. 68 ร้านค้าเลือกและดำเนินการ Upskill/Reskill
  • 23 ธ.ค. 68 ประกาศผลร้านค้า 400,000 ราย ที่ได้รับสิทธิ ผ่านแอปฯ "ถุงเงิน" และ SMS
  • 25 ธ.ค. 68 โอนเงินโบนัสสูงสุด 2,000 บาท ให้ร้านค้า