ปลุกเครื่องยนต์ศก.ไทย ก่อนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ประเทศไทยกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่อันตราย เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ตามที่ “ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์”ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) วิเคราะห์ไว้
จนวันนี้ไทยกำลังกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่โตช้าที่สุดในเอเชีย ตัวเลขการเติบโตต่อหัวเฉลี่ยเพียง 0.1% ในช่วงปี 2021-2024 คือ สัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า เรากำลังเดินบนถนนที่มืดมิด และหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ในไม่กี่ทศวรรษรายได้ต่อหัวของ “เวียดนาม” อาจสูงกว่าไทย ..ภาพที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ กำลังจะเกิดขึ้น
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือ ความอ่อนแรงของเครื่องยนต์การผลิตไทย ที่ถูกปล่อยปละละเลยมายาวนาน ประเทศไทยไม่ค่อยจริงจังเรื่องการลงทุนสร้างรากฐานด้านทักษะ แรงงาน เทคโนโลยี ในเมื่อโปรดักทิวิตี้ หรือผลิตภาพของเราไม่แข็งแรงพอ ไทยก็ยืนอยู่บนเวทีโลกลำบากยิ่งเมื่อแรงงานขาดแคลน การศึกษาตกต่ำ หนี้ครัวเรือนบานปลาย และธุรกิจไทยแข่งขันไม่ได้ ต้นทุนความเฉื่อยชาของระบบเศรษฐกิจเริ่มสะสมจนยากจะแก้ไข การปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้ยืดเยื้อ ไม่ได้ส่งผลดีต่ออะไรเลย ยิ่งทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เรามี อ่อนแรง และดับลงไปทีละตัว
ยังไม่นับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และโลกาภิวัตน์ ที่กำลังขย่มซ้ำไทยอย่างหนัก ทั้งกำแพงภาษีสหรัฐ มาตรการสิ่งแวดล้อมของยุโรป สินค้าจีนที่ทะลักล้นในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการไทยถูกบีบทั้งในประเทศและต่างประเทศ หันไปดูการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ก็แทบจะไม่เชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจกฎระเบียบล้าหลัง ยังเป็นโซ่ตรวนรั้งนักลงทุน การนิ่งเฉย และปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คือ ปัจจัยฉุดรั้งให้ไทยเป็นประเทศที่เติบโตไม่ได้ แข่งขันไม่ไหว และเสี่ยงถูกอาชญากรรมข้ามชาติรุกคืบเข้ามาชอนไชในระบบเศรษฐกิจอย่างน่าวิตก
สิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งทำไม่ใช่มาตรการกระตุ้นบริโภคแบบหวังผลระยะสั้น แต่คือการปฏิวัติโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เราต้องตื่นจากภวังค์แห่งความเคยชิน และยอมรับความจริงว่า ยุทธศาสตร์ที่เราใช้มาทั้งชีวิต “ใช้ไม่ได้ในยุคสมัยนี้” รัฐบาลและหน่วยงานเศรษฐกิจต้องกล้าปลดล็อกข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง แก้กฎหมายที่ล้าสมัย และลงทุนในระบบที่สร้าง productivity ให้ประเทศอย่างแท้จริง เพราะหากไม่ลงมือตอนนี้ เครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยจะดับสนิท เมื่อถึงวันนั้นการกลับมาอาจสายเกินไป







