เปิด 3 ชุดมาตรการช่วยเหลือ SME เตรียมเสนอเข้าครม.เศรษฐกิจ

‘เอกนิติ’ เผยเตรียมออกแพ็คเกจมาตรการอุ้มเอสเอ็มอี เสนอเข้า ครม.เศรษฐกิจใน 2 สัปดาห์ เติมสภาพคล่อง ชงมาตรการภาษี พร้อมหนุนกลไกจัดซื้อภาครัฐ
วันที่ 14 พ.ย.2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมแพ็คเกจมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ภายใน 2 สัปดาห์
ซึ่งถือเป็นหนึ่งในห้าเสาหลักตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดยจะแบ่งชุดมาตรการเป็น 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1. มาตรการด้านการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ SME ผ่านการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) และกลไกการค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) รวมทั้งจะมีการตั้งกองทุนค้ำประกันเฉพาะกิจ ซึ่งจะใช้วงเงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ส่วนที่เหลือจากมาตรการแก้หนี้รายย่อย โดยเงื่อนไขการค้ำประกันนี้จะมีการผ่อนปรน และดีกว่าเงื่อนไขของบสย.
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างการกำหนดรายละเอียดของการตั้งกองทุนดังกล่าว ให้เป็นกลไกที่เสริมจากการค้ำประกันของบสย. ซึ่งจะเข้ามาช่วย SME เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น
2.มาตรการด้านภาษี มุ่งเน้นการสร้างความเสมอภาคทางภาษีสำหรับ SME ไทย โดยแบ่งเป็นมาตรการภาษีศุลกากร จะมีการเก็บอากรสินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2569 จุดประสงค์หลักคือเพื่อสร้างการค้าที่เป็นธรรมให้กับ SME ไทย
และมาตรการภาษีสรรพากร โดยจะเร่งขั้นตอนการคืนภาษีได้เร็ว เพื่อคืนสภาพคล่องให้กับให้กับผู้ประกอบการ SME
3.มาตรการส่งเสริมดีมานด์ภาครัฐ โดยกรมบัญชีกลางจะได้มีการหารือกับภาคเอกชนได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าไทย เพื่อจัดทำมาตรการสนับสนุนการซื้อสินค้าไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่มีออเดอร์จัดซื้อของรัฐบาลจะนำเข้าสู่ระบบดิจิทัล และสามารถใช้หลักฐานดังกล่าวในการค้ำประกันนำไปขอสินเชื่อกับธนาคารได้ง่ายขึ้น
นายเอกนิติ เปิดเผยความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐว่า กระบวนการเจรจากำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาษีและกฎระเบียบศุลกากร ซึ่งรัฐบาลไทยโดยทีมกระทรวงพาณิชย์กำลังเดินหน้าประสานงานเพื่อเจรจาเกี่ยวกับรายละเอียดการค้าและพยายามแยกประเด็นทางการเมืองออกจากประเด็นการเจรจาในครั้งนี้
“โดยเบื้องต้นทางสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้เตรียมกำหนดนัดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายในวันจันทร์นี้ (17 พ.ย.)”
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในส่วนของกรมศุลกากรได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศภายใต้กรอบ Framework ที่นายกรัฐมนตรีได้ลงนามไว้
โดยจะมีการยกเลิกสินบนนำจับ โดยเฉพาะในส่วนของผู้บริหาร โดยมาตรการนี้ถือเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญที่ทางสหรัฐและผู้ประกอบการหลายรายได้เสนอมา
ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่ต้องยกเลิกในส่วนของผู้บริหาร เพราะการรับสินบนนำจับก่อให้เกิด ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ในการพิจารณาอุทธรณ์ หรือการใช้อำนาจในการจับกุมและอนุมัติต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการแก้ไขกฎหมาย แต่กรมศุลกากรจะออกระเบียบภายในเพื่อยกเลิกไม่ให้ผู้บริหารได้รับส่วนแบ่งจากสินบนนำจับภายในสิ้นเดือนพ.ย.นี้







