“ศุภจี “ถกเอกชน เปิด 3 แผนสกัด สินค้าด้อยคุณภาพ-สวมสิทธิ  ชงกรอบทำงาน” เอกนิติ “ 9 ธ.ค.นี้

“ศุภจี “ถกเอกชน  เปิด 3 แผนสกัด สินค้าด้อยคุณภาพ-สวมสิทธิ  ชงกรอบทำงาน” เอกนิติ “ 9 ธ.ค.นี้

"ศุภจี"  ชู 3 แนวทางสกัดสินค้า "ด้อยคุณภาพ ผิดกฎหมาย ถิ่นกำเนิดสินค้า "  มุ่งเป้าได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปี 68 เผย 4 หน่วยงานรัฐ ทลายสินค้าผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 3.7 พันล้านบาท

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมรวมพลังเสริมแกร่งสู่ความยั่งยืนของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ว่า เป็นการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และกำหนดกรอบการทำงาน รวมถึงเป้าหมายการดำเนินการ ครอบคลุมใน 3  ด้าน ได้แก่ 

1.ปัญหาสินค้าราคาถูก ด้อยคุณภาพและผิดกฎหมายจากต่างประเทศ 

2. ปัญหาสินค้าเข้ามาแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ผลิตไทย 

3. ปัญหาการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้า(Transshipment) เพื่อนำไปสู่การเข้มงวดคัดกรองสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ลดปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพทะลักเข้าประเทศไทย และสร้างตระหนักรู้ในเรื่องระบบการตรวจถิ่นกำเนิด เพื่อเป็นการรองรับภาษีสหรัฐ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาและมีเป้าหมายร่วมจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2568 นี้

นางศุภจี  กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมข้อมูล ก่อนเข้าไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (คสธก.) ครั้งแรก ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ที่กระทรวงการคลัง ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้  โดยมีหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วม 12 หน่วยงาน ซึ่งจะมีการกำหนดแนวทาง เป้าหมาย และตั้งคณะทำงาน 

 ทั้งนี้ ในการประชุมกรมศุลกากร ได้รายงานต่อประชุมว่า กรมฯขอความร่วมมือกับเจ้าของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ดำเนินการในไทย แจ้งรายละเอียดข้อมูลจำนวนและราคา พร้อมกับกำกับสินค้าขายบนออนไลน์ต้องได้มาตรการฐานไทยก่อนเปิดการขายและห้ามนำเข้าโดดเด็ดขาด และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 จะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศตั้งแต่ราคา 1 บาท จากเดิมผ่อนปรนจัดเก็บสินค้านำเข้าที่มูลค่าเกิน 1,500 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงาน คณะกรรมการดูแลเรื่องสินค้าด้อยคุณภาพและนอมินี ในรัฐบาลก่อน ได้มีการแยกการทำงานออกเป็น 2 ส่วน เน้นดูแลมาตรฐานสินค้า และ ป้องปรามนอมินี  แต่คณะกรรมการชุดรัฐบาลนี้ จะแยกตั้งเป็น 2 อนุกรรมการย่อย ได้แก่ อนุกรรมการด้านดูแลสินค้า และอนุกรรมการด้านดูแลธุรกิจ

สำหรับผลการดำเนินการการของคณะกรรมการ ฯ นั้น โดยกรมศุลกากร เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)  7 %  สินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ณ ด่านศุลกากร ที่นำเข้า มูลค่ารวม 2,308 ล้านบาท ประกอบด้วยตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม - ธันวาคม 2567 มูลค่า 1,058 ล้านบาท และเดือนมกราคม - สิงหาคม 2568 มูลค่า 1,250 ล้านบาท

ด้านตรวจสอบการขออนุญาตนำเข้า เช่น มอก. และ อย. และสินค้าผิดกฎหมายพบการกระทำผิดรวม 48,030 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 2,732 ล้านบาท ประกอบด้วย ตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคม 2567 พบการกระทำผิดรวม 16,078 ราย มูลค่าความเสียหาย 634 ล้านบาท และเดือนมกราคม - สิงหาคม 2568 พบการกระทำผิด 31,952 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,098 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 – สิงหาคม 2568 ดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการ เก็บตัวอย่างเฝ้าระวังคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์สุขภาพนำเข้า พบการกระทำผิด 23,285 รายการ สถานประกอบการ 73 แห่ง

 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 – กรกฎาคม 2568 ดำเนินการตรวจสอบสินค้าตามมาตรฐานบังคับอุตสาหกรรม ดำเนินคดี 861 คดี มูลค่าความเสียหาย 700.11 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยตรวจสอบสินค้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พบการกระทำผิดรวม 378 คดี มูลค่าความเสียหาย 29.57 ล้านบาท โดยตั้งแต่เดือนกันยายน – ธันวาคม 2567 พบการกระทำผิดรวม 603 คดี มูลค่าความเสียหาย 27.87 ล้านบาท และเดือนมกราคม - สิงหาคม 2568 ตรวจสอบสินค้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคพบการกระทำผิด 575 คดี มูลค่าความเสียหาย 1.70 ล้านบาท

 กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.) ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 – สิงหาคม 2568 ตรวจสอบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พบการกระทำผิดรวม 1,069 คดี มูลค่าความเสียหาย 300.27 ล้านบาท