'ธนกร' สั่งสอบปม สอจ.ระยอง ถอนอายัดฝุ่นแดง 7.7 หมื่นตัน 'ชินเคอหยวน'

ธนกร" สั่งปลัดอุตฯ ลุยสอบ! ปม สอจ.ระยอง "ถอนอายัดฝุ่นแดง" 7.7 หมื่นตัน บริษัท ชิน เคอ หยวน สตีล ย้ำต้องถูกกฎหมาย ไม่ละเว้น!
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีที่อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง (สอจ.) ได้ทำหนังสือ ที่ รย 0034(2)/2757 เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2568 ลงนามโดยนายวีระ นันทเศรษฐ์ อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เพิกถอนอายัดผงฝุ่นจากระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่นแดง ของบริษัท ชิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ปริมาณ 77,723.47 ตัน
ซึ่ง สอจ.ระยอง ได้มีคำสั่งไปก่อนหน้านี้ว่า
ตนเพิ่งได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้กำชับสั่งการให้นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ซึ่งในเบื้องต้นเข้าใจว่าปลัดกระทรวงฯได้สั่งให้อุตสาหกรรมจังหวัดเข้ามาชี้แจงเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน
“เพิ่งได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวเข้ามา แต่อย่างที่เรียนไว้ และยืนยันเสมอว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องเหล็ก ฝุ่นแดง ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย”
ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่ตนเข้ามารัยบตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรมก็ได้มีการตรวจอย่างเข้มงวด ชุดปฏิบัติการณ์ของกระทรวงฯก็มีการลงพื้นที่ทุกวัน เพื่อคุมเข้มเรื่องโรงงานผิดกฏหมาย หรือสร้างมลพิษ รวมถึงสินค้าที่ไม่ได้มาตตรฐานก็จะถูกจัดการแบบเด็ดขาดไม่มีการละเว้นผู้ใด
เช่นเดียวกับเรื่องฝุ่นแดง ซึ่งตนได้มีการดูข้อมูลเบื้องต้น โดยที่ตามรายงานแม้ว่าจะเป็นไปตามกระบวนการว่า 3-4 หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ,กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) .กองกหมาย สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ (DSI) ซึ่งรายงานว่าสามารถถอนอายัดได้
“ไม่ได้เชื่อทั้งหมดตามรายงาน จึงได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และรายงานเข้ามาให้ตนรับทราบหากไม่เป็นไปตามกระบวนการของกฏหมาย ก็ต้องดำเนินการต่อ”
สำหรับกรณีนี้มีจุดเริ่มต้นจากอัคคีภัยภายในโรงงานเหล็กของบริษัทซินเคอหยวน เมื่อปลายปี 2567 ซึ่งนำไปสู่การตรวจพบว่ามีการจัดเก็บฝุ่นโลหะไม่ปลอดภัย และระบบควบคุมมลพิษไม่เป็นไปตามมาตรฐาน กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จึงใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรงงาน สั่งหยุดกิจการและอายัดเหล็กและฝุ่นจากระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นแดง) ทั้งหมดในพื้นที่โรงงาน
จากนั้น ตั้งแต่เดือนก.พ. – ก.ค. 2568 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และ กรอ. ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องโดยพบว่า ฝุ่นและของเสียสะสมยังมีจำนวนมาก รวม 77,723.47 ตัน และระบบบำบัดมลพิษก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ จึงจำเป็นต้องคงคำสั่งหยุดกิจการต่อไป อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2568 บริษัทได้ยื่นขอถอนอายัด โดยอ้างว่าฝุ่นทั้งหมดมาจากกระบวนการผลิตภายในโรงงาน อุตสาหกรรมจังหวัดระยองจึงตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีคำสั่งถอนอายัดในเบื้องต้น
นายธนกร กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทางปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย โดยพบว่า ล่าสุด กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ขอให้ทบทวนมติถอนอายัดฝุ่นแดง เพราะคดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนของ DSI จึงยังไม่สามารถสรุปสถานะของกลางได้ และกรมยังไม่ได้เห็นชอบการปลดอายัดด้วย เช่นเดียวกับกองกฎหมาย สปอ. มีหนังสือไปถึงอุตสาหกรรมจังหวัดระยองขอให้ทบทวนมติ เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ต้องรอการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนว่า พยานหลักฐานครบถ้วน และไม่จำเป็นต้องใช้ของกลางในกระบวนการอื่นต่อไป
"ยืนยันว่า หากผลสอบพบว่าการดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีผู้เกี่ยวข้องในทางมิชอบ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้อุตสาหกรรมจังหวัดระยองจะมีคำสั่งถอนอายัดฝุ่นแดง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำออกนอกโรงงานได้ เนื่องจากโรงงานยังอยู่ภายใต้คำสั่งหยุดประกอบกิจการ ตามกฎหมายโรงงานอุตสาหกรรม การเคลื่อนย้ายจะทำได้ก็ต่อเมื่อคำสั่งหยุดกิจการถูกยกเลิก หรือได้รับอนุญาตให้กลับมาดำเนินกิจการตามปกติจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของโรงงาน รวมถึงระบบกำกับดูแลของกลางให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่สังคม" นายธนกร กล่าว
สำหรับความคืบหน้ากรณีการถอนอายัดเหล็กเส้นนั้น นายธนกร กล่าวว่า ตนได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อรายงานความเห็นมาให้ตนภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยวลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เน้นการตรวจกำกับที่เข้มข้นเพื่อจัดระเบียบอุตสาหกรรมให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามโรงงานเถื่อนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อผู้กระทำผิด ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่า ได้สั่งการให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่กระทำผิดอย่างเข้มงวด และจะจัดระเบียบอุตสาหกรรมตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่ง นโยบายเชิงรุกภายใต้กรอบ ฝ่า ฟัน ดึง ดัน จะปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด







