‘ศุลกากร’ ลุยปราบยาเสพติด ชูความร่วมมือ 3 มิติ ตัดวงจรขนส่งข้ามชาติ

‘ศุลกากร’ ลุยปราบยาเสพติด ชูความร่วมมือ 3 มิติ ตัดวงจรขนส่งข้ามชาติ

“ศุลกากร” ขานรับนโยบายรัฐบาลลุยปราบยาเสพติดเชิงรุก ผนึกความร่วมมือพันธมิตร 3 ด้าน ปิดช่องไทยเป็นเส้นทางขนส่งยาเสพติดข้ามประเทศ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการแถลงนโยบาย "Quick Big Win in Anti-Drug Trafficking" ของกรมศุลกากร โดยมีนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมผู้บริหาร และผู้แทนจากภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วม ณ สโมสรศุลกากร กรมศุลกากร

 

นายเอกนิติ เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าจะไม่ผ่อนปรนต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกรูปแบบ และมุ่งให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมตามนโยบาย "Quick Big Win"

โดยกรมศุลกากร ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกระทรวงการคลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านหน้าของประเทศในการสกัดกั้น ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ได้แสดงเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการร่วมแก้ปัญหายาเสพติด โดยกำหนดมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยเป็นฐานของอาชญากรในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า สถานการณ์ยาเสพติดยังคงน่าเฝ้าระวัง ประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด กรมศุลกากรจึงได้ตอบสนองนโยบายรัฐบาล โดยแบ่งการดำเนินงานเชิงรุกออกเป็น 3 มิติ ดังนี้

มิติที่ 1 ความร่วมมือเชิงรุกกับผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ปรับแนวทางการทำงาน จากเดิมที่เน้น ตรวจค้น ณ จุดผ่านแดน เป็นการดำเนินการเชิงรุก โดยทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานโลจิสติกส์ทั้งหมด เช่น DHL, FedEx, UPS, ไปรษณีย์ไทย และบริษัท Freight Forwarder ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความเสี่ยง และสกัดกั้นสินค้าต้องสงสัยได้ตั้งแต่ "ต้นทาง" ก่อนเข้าสู่กระบวนการศุลกากร

มิติที่ 2 ความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ สร้างพันธมิตรกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (ABF), กองกำลังป้องกันชายแดนแห่งสหราชอาณาจักร (UKBF), ศุลกากรนิวซีแลนด์, เกาหลี, ญี่ปุ่น, เยอรมนี รวมถึงสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (DEA) และสำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (HSI) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และปฏิบัติการร่วมกัน (Joint Operation) สกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ

มิติที่ 3 การสืบสวนขยายผล และการดำเนินคดี กรมศุลกากรจะไม่ยุติการทำงานเพียงแค่การยึดยาเสพติด แต่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อ "สืบสวนขยายผล" โดยประสานงานกับหน่วยงานภายใต้คณะทำงาน AITF (ท่าอากาศยาน) และ SITF (ท่าเรือ) เช่น สำนักงาน ป.ป.ส., ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และศูนย์รักษาความปลอดภัยฯ เพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมทั้งระบบ

‘ศุลกากร’ ลุยปราบยาเสพติด ชูความร่วมมือ 3 มิติ ตัดวงจรขนส่งข้ามชาติ

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า เพื่อให้มาตรการทั้ง 3 มิติ เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน กรมศุลกากรได้กำหนดกิจกรรมเร่งด่วน ประกอบด้วย

การปฏิบัติการร่วมกับออสเตรเลีย (ABF) เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยถูกใช้เป็นฐานลักลอบยาเสพติดส่งไปออสเตรเลีย โดยเริ่มปฏิบัติการในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.68)

ปฏิบัติการร่วมกับศุลกากรเกาหลีใต้ จะเริ่มปฏิบัติการในลักษณะเดียวกัน ในปี 2569

การขยายพื้นที่สุนัขดมกลิ่น (K-9) เพิ่มการใช้สุนัขดมกลิ่นให้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติงานหลัก เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, คลังสินค้าสุวรรณภูมิ, ศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ และคลังสินค้าของเอกชน

และเปิด "ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายภาคใต้" ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ในต้นเดือนธ.ค. 2568 เพื่อสกัดกั้นการลักลอบผ่านสนามบินรองด้วยระบบที่ทันสมัย

นายพันธ์ทอง กล่าวว่า ภารกิจนี้จำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วน ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อปกป้องประเทศจากภัยยาเสพติดอย่างยั่งยืน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์