"คนละครึ่งพลัส"ดัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 68 ขยับขึ้นต่อเนื่อง

"คนละครึ่งพลัส"ดัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 68 ขยับขึ้นต่อเนื่อง

 ม.หอการค้าไทย เผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.2568 อยู่ที่    51.9   ต่อเนื่องเป็นเดือน  9 เดือน จากอานิสงค์ “คนครึ่งพลัส” คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยดันจีดีพีปีนี้โตได้ตามเป้า 2.4%  

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ประจำเดือนต.ค. 2568 พบว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 51.9 ปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากความชัดเจนทางการเมืองหลังมีรัฐบาลใหม่ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีความหวังและเชื่อมั่นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในระยะสั้น แม้ยังมีความกังวลต่อผลกระทบทางการค้าจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ และสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่อาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่บ้าง

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 45.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 49.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 60.6 โดยดัชนีทุกรายการ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เช่นกัน

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า   ดัชนีเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นชัดเจน สะท้อนผลของมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ที่ครอบคลุมประชาชนกว่า 20 ล้านคน ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ลดภาระค่าใช้จ่าย และกระจายรายได้สู่ร้านค้าท้องถิ่น ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มขยับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้มีเงินสะพัดจากโครงการเข้าสู่ระบบแล้วกว่า 25,000 ล้านบาท และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการ คนละครึ่งพลัสรวมถึงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกว่า 100,000 ล้านบาท

ขณะที่มาตรการท่องเที่ยวเมืองรองและลดหย่อนภาษี คาดว่าจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินอีก 50,000 ล้านบาท ดันให้จีดีพีไตรมาส 4 โตเกิน 1% และอาจทำให้จีดีพีทั้งปี 2568 เติบโตแตะ 2.4% ตามเป้ากระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ปัญหาน้ำท่วมมีผลกระทบไม่มาก คาดฉุดจีดีพีเพียงราว 0.07%  สำหรับราคาสินค้าเกษตรขณะนี้หลายตัวราคาตกต่ำ เช่น  ข้าว  ยางพารา   คาดว่า เม็ดเงินหายไปประมาณ 2 หมื่นล้านบาท กระทบต่อจีดีพีไตรมาส 4 ประมาณ 0.4  %

อย่างไรก็ตาม คาดว่า  เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 จะโตได้ 1.1% ตามมุมมองของกระทรวงการคลังล่าสุด และทั้งปี จะโต 2.4% จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในกรอบที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2568 จะโต 2-2.5%  จากเม็ดเงินคนละครึ่งพสัล 88,000 ล้านบาท  บัตรเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 22,000 ล้านบาทรวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก-เมืองรอง อีก 50,000 ล้านบาท

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (Thai Chamber  of Commerce Confidence Index:TCC-CI)  ในเดือนต.ค. 2568 ที่กลับมาปรับตัวดีขึ้นครั้งแรก แต่ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 44.1 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.0 ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครการคนละครึ่งพลัส  เติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  และเที่ยวดีมีคืน โดยความเชื่อมั่นเริ่มดีขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากยังกังวลถึงสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดน รวมทั้งหลายภูมิภาคยังเจอผลกระทบจากน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก  ซึ่งตัวชี้วัดที่ปรับตัวดีขึ้นส่วนใหญ่ ในด้านการบริโภค  การท่องเที่ยว  การค้า  ภาคบริการ

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า  สำหรับปี 2569 มองว่า การต่อมาตรการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประคองเศรษฐกิจในช่วงยุบสภา ซึ่งจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง และอาจทำให้รัฐบาลใหม่เริ่มใช้งบประมาณล่าช้าถึงเดือนธ.ค. ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจมีการใช้จ่ายสูงกว่าปกติ คาดเงินสะพัด 40,000–50,000 ล้านบาท การขยายโครงการ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 รวมกับการท่องเที่ยว ที่เริ่มดีขึ้นในไตรมาสแรก ของปี 2569  โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นการฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปีไทย-จีน   ขณะเดียวกัน รัฐบาล ต้องเร่งจัดซื้อจัดจ้าง  และโครงการลงทุน ก่อนยุบสภา ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีหน้าให้ยังคงมีแรงส่งต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน รัฐบาล ต้องเร่งจัดซื้อจัดจ้าง  และโครงการลงทุน ก่อนยุบสภา เพราะสิ่งที่น่ากังวลขณะนี้หลายหน่วยงาน ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นช่วงสุญญากาศทางการเมือง  รวมทั้ง ยังมีปัจจัยลบ ที่สำคัญ มีทั้งการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ  สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา  และปัญหาน้ำท่วม  โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังมองเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะขยายตัวได้ 2%