ราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้น หลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า นักลงทุนประเมินภาวะอุปทานส่วนเกินทั่วโลก การคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันรัสเซีย
รอยเตอร์ รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย หลังจากร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินอุปทานส่วนเกินทั่วโลก ประกอบกับมาตรการคว่ำบาตรบริษัท Lukoil ของรัสเซียที่กำลังจะเกิดขึ้น
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 55 เซนต์ มาอยู่ที่ 63.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากลดลง 3.8% ในวันก่อนหน้า
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ มาอยู่ที่ 59.01 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ฟื้นตัวขึ้นบางส่วนจากการลดลง 4.2% ในวันพุธ
“ราคาน้ำมันน่าจะได้รับแรงหนุนอย่างมากที่ระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าอาจเกิดการหยุดชะงักในระยะสั้นต่อการส่งออกของรัสเซีย เมื่อมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นมีผลบังคับใช้” ซูฟโร ซาร์การ์ หัวหน้าทีมภาคพลังงานของธนาคาร DBS กล่าว
สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัท Lukoil ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะนำเครมลินเข้าสู่การเจรจาสันติภาพกรณียูเครน มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวห้ามการทำธุรกรรมกับบริษัทรัสเซียหลังวันที่ 21 พฤศจิกายน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตามองความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันล้นตลาด
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
แหล่งข่าวในตลาดกล่าวเมื่อวันพุธว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(EIA) คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลสินค้าคงคลังในวันพฤหัสบดีนี้
“เราพบปริมาณน้ำมันสำรองเพิ่มขึ้นในแหล่งน้ำมันสำคัญๆ ทั่วยุโรป สิงคโปร์ เมืองท่าฟูไจราห์ และสหรัฐอเมริกา จากข้อมูลเบื้องต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว” จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จากธนาคาร UBS กล่าว
ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในวันพุธ หลังจากองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลกจะสูงกว่าความต้องการเล็กน้อยในปี 2569 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของกลุ่มที่คาดการณ์ว่าน้ำมันจะไม่เพียงพอกับความต้องการ
“ความอ่อนแอด้านราคา ล่าสุดดูเหมือนจะเป็นผลมาจากการปรับสมดุลอุปทาน-อุปสงค์ของโอเปกในปี 2569 ในรายงานประจำเดือน ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้กลุ่มโอเปกกำลังยอมรับถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะอุปทานล้นตลาดในปี 2569 ซึ่งตรงกันข้ามกับท่าทีที่มีแนวโน้มเชิงบวกมาโดยตลอด” ซาร์การ์ จากธนาคาร DBS กล่าว
โอเปกกล่าวว่าคาดการณ์ว่าอุปทานจะเกินดุลในปีหน้า เนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตของโอเปกพลัส ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ประกอบด้วยสมาชิกโอเปกและพันธมิตรอย่างรัสเซีย
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของอุปทานน้ำมันโลกสำหรับปีนี้และปีหน้าในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือนเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งส่งสัญญาณถึงภาวะเกินความต้องการที่มากขึ้นในปี 2569
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ระบุในรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น เมื่อวันพุธว่า คาดว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดในปีนี้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
EIA เสริมว่าปริมาณน้ำมันสำรองทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2569 เนื่องจากการผลิตเพิ่มขึ้นเร็วกว่าความต้องการเชื้อเพลิงปิโตรเลียม ส่งผลให้ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันมากขึ้น







