กองทุนน้ำมันฯ ชง 4 วาระด่วน! 'อรรถพล' ทบทวนเพดานดีเซล 30 บาท

กองทุนน้ำมันฯ ชง 4 งานเร่งด่วนถึง "อรรถพล" รมว.พลังงาน "เร่งสรรหา ผอ.ใหม่-เติมผู้ทรงคุณวุฒิ-ปรับแผนวิกฤตราคาน้ำมัน-ออกหลักเกณฑ์ลดจ่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ" ก่อนเส้นตายปี 69
KEY
POINTS
- เร่งรัดการสรรหาผู้อำนวยการ สกนช. คนใหม่ ซึ่งเว้นว่างกว่า 1 ปี เพื่อให้การบริหารงานและการกำหนดทิศทางในระยะยาวมีความคล่องตัว
- เสนอให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ให้ครบองค์ประกอบตามกฎหมาย 4 ตำแหน่ง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการกำหนดนโยบาย
- ผลักดันการจัดทำแผนวิกฤติราคาน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ (พ.ศ. 2568–2572) เพื่อทบทวนเพดานราคาดีเซลและก๊าซหุงต้มให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
- เร่งออกหลักเกณฑ์การลดการจ่ายเงินชดเชยเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อเตรียมรองรับกฎหมายที่จะให้ยุติการอุดหนุนราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลในปี 2569
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเดินหน้ารายงาน 4 เรื่องสำคัญต่อรัฐมนตรี "พลังงาน" ชี้ต้องเร่งตัดสินใจเชิงนโยบาย ทั้งการสรรหา ผอ.ใหม่เป็นรอบที่ 4 การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้ครบองค์ประชุม ปรับแผนวิกฤติราคาน้ำมันปี 2568–2572 และวางเกณฑ์ลดการจ่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ ก่อนเข้าสู่ช่วงยุติการชดเชยตามกฎหมายปี 2569
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยความคืบหน้าการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกองทุน โดยระบุว่าได้เสนอ 4 ประเด็นเร่งด่วนต่อนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อผลักดันการบริหารจัดการราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มให้มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง พร้อมรองรับเงื่อนไขตามกฎหมายที่กำลังจะมีผลในระยะต่อไป
1. เร่งสรรหา ผอ.สกนช. คนใหม่ เข้าสู่รอบที่ 4 หลังเก้าอี้ว่างตั้งแต่เดือนส.ค. 2567 โดยประเด็นภายหลังตำแหน่งว่างลงเมื่อครบวาระของนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 16 ส.ค. 2563 ถึง 16 ส.ค. 2567 โดยการสรรหาครั้งนี้ถือเป็น “รอบที่ 4” ตามที่มีข่าวนำเสนอจากสื่อมวลชน
นายพรชัย กล่าวย้ำว่า แม้การไม่มีผู้อำนวยการอย่างเป็นทางการแม้จะไม่ทำให้การบริหารงานสะดุด เพราะมีคณะกรรมการทำหน้าที่กลั่นกรองและพิจารณาแทน แต่เพื่อความคล่องตัวและการกำหนดทิศทางในระยะยาว การสรรหาผอ.คนใหม่ควรแล้วเสร็จโดยเร็ว
2. แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิใน "กบน." ให้ครบองค์ตามกฎหมาย ใน 4 ตำแหน่งรอเติมเต็ม ทั้งนี้ การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ให้ครบองค์ประกอบตามพระราชบัญญัติกองทุนฯ ซึ่งกำหนดไว้ทั้งหมด 4 ราย ได้แก่
- ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน 1 ราย
- ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน 1 ราย
- ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการ 2 ราย
โดยผู้สมัครต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี และควรไม่เกิน 65 ปีในวันยื่นสมัคร จะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งอยู่หรือเกษียณแล้วก็ได้ ขณะที่ตำแหน่งประธานคณะกรรมการฯ จะอยู่ภายใต้การพิจารณาของ กบน.
นายพรชัย ระบุว่า ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้คำปรึกษา เสนอความเห็น และสนับสนุนการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกองทุน รวมถึงการพิจารณามติสำคัญของ กบน. เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจด้านเสถียรภาพราคาเชื้อเพลิงของประเทศ
3. จัดทำแผนวิกฤติราคาน้ำมันใหม่ 2568–2572 เพื่อทบทวนเพดานดีเซล 30 บาท และ LPG 423 บาท/ถัง สำหรับการจัดทำแผนวิกฤติการด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่ (พ.ศ. 2568–2572) แทนแผนฉบับเดิมที่สิ้นสุดในปี 2567
โดยจะปรับกรอบบริหารจัดการราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน (LPG) ให้เข้ากับต้นทุนจริงและสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน พร้อมทั้งปรับนิยาม “ภาวะวิกฤติราคาน้ำมัน” ให้มีความชัดเจนขึ้น เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือที่ออกมาถูกจังหวะและตรงจุด
สำหรับสาระสำคัญในแผนใหม่รวมถึงการทบทวนเพดานราคาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
- น้ำมันดีเซลเพดาน 30 บาทต่อลิตร
- ก๊าซ LPG ราคา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม
ก่อนหน้านี้ แผนดังกล่าวเคยถูกเสนอในช่วงรัฐบาลก่อนต่อ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ทำให้ครั้งนี้ สกนช. ต้องเร่งเสนอใหม่ต่อนายอรรถพล ฤกษ์พิฐบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบน. เพื่อส่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
4. เร่งออกหลักเกณฑ์ “ลดการจ่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ” ก่อนยุติการชดเชยตามกฎหมายปี 2569 สำหรับประเด็นสุดท้าย คือการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการลดการจ่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ ภายหลังพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 กำหนดให้ “ยุติการชดเชยราคาน้ำมันที่มีส่วนผสมจากพืชพลังงาน” ทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2569 เป็นต้นไป
หลังเส้นตายดังกล่าว กองทุนจะยังคงเข้าไปอุดหนุนได้เฉพาะในกรณีเกิด “ภาวะวิกฤติ” เท่านั้น ทำให้ต้องเร่งจัดทำหลักเกณฑ์และระเบียบรองรับ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการบริหารราคาเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคต
ทั้ง 4 ประเด็นที่ สกนช. เสนอสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการบริหารเสถียรภาพราคาพลังงานของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งด้านบุคลากร โครงสร้างบริหาร และกรอบนโยบาย โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมต่อการสิ้นสุดการชดเชยเชื้อเพลิงชีวภาพในปี 2569 ซึ่งอาจส่งผลต่อภาระต้นทุนและราคาครัวเรือน
ความคืบหน้าของประเด็นเหล่านี้ไม่เพียงเป็นโจทย์ของกองทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นนโยบายระดับกระทรวงและรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจ เพื่อให้ระบบพลังงานไทยเดินหน้าด้วยความมั่นคง โปร่งใส และรับมือกับความผันผวนของตลาดพลังงานโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ







