ถอดรหัส ‘ปลาหมอคางดำ’ ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

ถอดรหัส ‘ปลาหมอคางดำ’ ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

เครือข่าย “เสียงจากป่า” องค์กรภาคประชาสังคมเพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จัดเสวนา “ปลาหมอคางดำ…พระเอกหรือผู้ร้าย” หาทางออกมิติทางวิทยาศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ

นายองอาจ เลาหวินิจ นักวิชาการอิสระ กล่าวในการเสวนา “ปลาหมอคางดำ…พระเอกหรือผู้ร้าย” ว่า ปัญหาการลักลอบนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นมีมานาน แต่เราควรเปลี่ยนจากการหาที่มาเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ 

"ผมมองว่าปลาหมอคางดำเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ เพราะสามารถเป็นอาหารและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนได้ แม้แต่ปลานิลพระราชทานก็เป็นปลาต่างถิ่นเช่นกัน แต่เราก็บริโภคได้ตามปกติ" ดร. องอาจ กล่าว

นอกจากนี้ ได้มีการระบุประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปลาหมอคางคำ ประกอบด้วย

1.การกู้ภัยระบบนิเวศ ปลาหมอคางดำอาศัยและเติบโตได้ในสภาพน้ำคุณภาพต่ำหรือเสื่อมโทรม (มีค่าออกซิเจนต่ำ) ซึ่งปลาอื่นอยู่ไม่ได้ และยังช่วย “กินขยะ” หรือสิ่งที่ตกค้างในธรรมชาติได้ด้วย

รวมทั้งปลาหมอคางดำเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ต้นทุนต่ำ เพราะเลี้ยงในบ่อกุ้งร้างหรือในลักษณะ "คาร์บอนต่ำ" ได้ ทั้งยังมีศักยภาพในการเป็นวัตถุดิบแทนปลาป่นสำหรับผลิตอาหารสัตว์

ถอดรหัส ‘ปลาหมอคางดำ’ ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

ถอดรหัส ‘ปลาหมอคางดำ’ ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

2.ความมั่นคงทางอาหาร องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) สนับสนุนเรื่องอาหารประจำถิ่น และปลาชนิดนี้สามารถเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยมีคุณค่าทางอาหารสูง ไม่ว่าจะเป็นกรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน สังกะสี 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศฟิลิปปินส์ก็เผชิญปัญหาปลาหมอคางดำเช่นเดียวกับเรา แต่พวกเขามองว่าเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่ามาช่วยแก้ปัญหาความอดอยาก และทดแทนปลาเศรษฐกิจที่มีต้นทุนสูง

3.ทางออก แทนที่จะทุ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อกำจัด เช่น การช็อตปลาที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ช็อต โดยรัฐบาลควรเปลี่ยน "มายด์เซ็ต" ของประชาชนและส่งเสริมให้มีการจับและนำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ทำน้ำปลา ปลาแดดเดียว ปลาร้า เหมือนกรณีที่เคยสำเร็จมาแล้วกับหอยเชอรี่และตั๊กแตนปาทังก้า

"ปลาหมอคางดำราคาไม่ถึง 10 บาท/กก. ขณะที่ปลานิลกิโลกรัมละ 30-40 บาท ทั้งที่มูลค่าทางอาหารไม่ได้ต่างกันเลย รัฐต้องจัดอบรมและเผยแพร่องค์ความรู้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ แล้วผู้บริโภคจะเป็นผู้ตัดสินว่าอะไรคือพระเอกหรือผู้ร้าย" ดร. องอาจทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ต้องพิจารณาจากข้อมูลทางวิชาการที่ครอบคลุม เพื่อเปลี่ยนสิ่งที่มองว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ให้กลายเป็น “โอกาสทางเศรษฐกิจ” และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

ถอดรหัส ‘ปลาหมอคางดำ’ ความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

นายชัยภัฏ จันทร์วิไล ประธานเครือข่ายเสียงจากป่า กล่าวว่า การจัดงานเสวนา "ปลาหมอคางดำ…พระเอกหรือผู้ร้าย" เพื่อสร้างความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ และระบุประเด็นสำคัญเรื่องการใช้งบประมาณภาครัฐในการจัดการสัตว์ต่างถิ่นที่อาจไม่เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการควบคุมการลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำที่ต้องการให้เกิดการตรวจสอบและลดการใช้งบประมาณภาครัฐ

"วันนี้ต้องตรวจสอบและสังคมต้องช่วยกันดูแล เพราะการกำจัดปลาหมอคางดำเป็นการใช้งบประมาณของประชาชน ซึ่งหากปลาชนิดนี้นำเข้ามาไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์กันได้ แต่ที่สำคัญจะควบคุมอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก" นายชัยภัฏ กล่าว

นายชัยภัฏ กล่าวว่า อิทธิพลของข้อมูลข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย ที่มีผลต่อความเชื่อของประชาชน โดยชี้ว่าหลายครั้งการรับข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

"จากการที่ผมศึกษาได้รู้ว่าเอเลี่ยนสปีชีส์ที่เข้ามาในเมืองไทยส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ วันนี้ปลาหมอคางดำไม่ใช่เชื้อโรค แต่มันนำมาประโยชน์ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้"

นอกจากนี้ สังคมควรใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในการตัดสิน โดยเฉพาะในประเด็นปลาชนิดนี้เป็น "ปลานักล่า" หรือไม่ และที่สำคัญอยู่ใน "น้ำเน่าเสีย" ได้ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าไทยมีแหล่งน้ำที่เสื่อมโทรมมากมาย และควรจะหาวิธี "ใช้ประโยชน์" จากปลาชนิดนี้ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้

นายชัยภัฏ กล่าวว่า เรียกร้องให้สังคมมองหา "ความยุติธรรม" ให้กับปลาหมอคางดำ โดยชี้ว่าผู้ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมไม่ใช่สัตว์แต่คือมนุษย์ ดังนั้น ต้องช่วยกันฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูแหล่งน้ำให้สะอาด