'ราคาสินค้าเกษตรร่วง' สะเทือนรัฐบาล ‘ข้าว’ เฉลี่ยทั้งปีดิ่งแรง 33%

ราคาสินค้าเกษตรเฉลี่ยปีนี้ร่วงทั้ง “ข้าว มัน ยาง อ้อย” สศก.ระบุผลกระทบเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น ยกเว้นพืชน้ำมันราคาสูงขึ้น ราคาข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ยทั้งปีดิ่ง 33.49% “ชาวนา-โรงสี” ชี้ร่วงสุดรอบ 20 ปี เร่ง “ศุภจี” ชง นบข.ช่วยชาวนา ชะลอผลผลิตข้าวออกสู่ตลาด “อุตสาหกรรม” เร่งช่วยราคาขั้นต้นตันละเหลือ 900 บาท
KEY
POINTS
- ราคาสินค้าเกษตรหลักหลายชนิด เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย มีทิศทางราคาลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกร
- ราคาข้าวเปลือกเจ้าปรับตัวลดลงรุนแรงที่สุด โดยเฉลี่ยลดลงถึง 33.49% ซึ่งเป็นระดับราคาที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี
- ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ความต้องการของตลาดลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ เป็นสาเหตุหลักของราคาที่ตกต่ำ
- หน่วยงานภาครัฐเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะชาวนา และชาวไร่อ้อย เพื่อพยุงราคา
สถานการณ์ราคาผลผลิตการเกษตรที่หลายชนิดเข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวกับมีทิศทางราคาลดลงเมื่อเทียบกับปี 2567 โดยราคาเฉลี่ยทั้งปีของยางพารา มันสำปะหลัง ข้าว และอ้อยมีทิศทางลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สภาพฝนดีในปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำในเขื่อนมีปริมาณเพียงพอเพาะปลูก และทำให้สินค้าเกษตรหลายชนิดขยายพื้นที่มีผลผลิตสูงขึ้น แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในประเทศ และโลกไม่ดีนักทำให้ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดยังไม่ดีขึ้น ยกเว้นพืชน้ำมันที่ทั่วโลกต้องการมากขึ้น
1.ยางพารา ราคาที่เกษตรขายได้ เดือนม.ค.- พ.ย.2568 ยางแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.90 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 14.21% เพราะความต้องการใช้ลดลง
ส่วนแนวโน้มปี 2569 คาดว่าราคาในประเทศมีแนวโน้มทรงตัว เพราะคาดการณ์ผลผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ยางพาราในประเทศ และต่างประเทศมีแนวโน้มลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อราคายางพาราทั้งในตลาดล่วงหน้าและราคาในประเทศ
ขณะที่ผลผลิตปี 2568 มีปริมาณ 4.86 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.08% และผลผลิตต่อไร่ 217 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 0.93% และแนวโน้มปี
2.มันสำปะหลัง ราคาหัวมันสำปะหลังสดคละที่เกษตรกรขายได้ปี 2568 (ม.ค.- พ.ย.) ลดลง โดยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.77 บาท ลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่กิโลกรัมละ 2.36 บาท เพราะราคาส่งออกมันสำปะหลังลดลงตามสินค้าทดแทนมันสำปะหลังในประเทศคู่ค้ามีราคาลดลง เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงส่งผลให้ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ในประเทศมีราคาลดลง
สำหรับ ปี 2569 คาดว่าเนื้อที่เก็บเกี่ยวลดลงทุกภาค เนื่องจากราคาที่เกษตรกรขายไม่จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูก ประกอบกับขาดแคลนท่อนพันธุ์ต้านทาน และพันธุ์ทนทานโรคใบด่าง เกษตรกรจึงปรับเปลี่ยนไปปลูกอ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา พื้นที่นาข้าว ต้นยูคาลิปตัส สับปะรดโรงงาน และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม บางรายปล่อยเป็นพื้นที่ว่าง ผลผลิตต่อไร่คาดว่าเพิ่มขึ้น
หอมมะลิราคาสูง “ข้าวเจ้า” ดิ่งหนัก
3.ข้าว ราคาปี 2568 (ม.ค.- ต.ค.) ที่เกษตรกรขายได้ของข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.81 บาท เพิ่มขึ้น 0.54% จากกิโลกรัมละ 14.73 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2567 เพราะผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.23 บาท ลดลง 33.49% จากกิโลกรัมละ 10.87 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2567
สำหรับปี 2569 คาดว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่กิโลกรัมละ 13-15 บาท ขณะที่ราคาข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2568 เล็กน้อย เนื่องจากปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้การผลิตปี 2568/69 คาดว่ามีผลผลิต 35.44 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจากปี 2567/68 ที่มีผลผลิต 35.60 ล้านตันข้าวเปลือก เนื่องจากราคาผลผลิตที่มีแนวโน้มปรับลง ขณะที่ราคาปัจจัยการผลิตยังอยู่ระดับสูง
“ผลผลิตเพิ่ม-ราคาพุ่ง” รับดีมานด์ไบโอดีเซล
4.ปาล์มน้ำมัน ที่เกษตรกรขายได้ (ม.ค. - ต.ค.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.27 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.50 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 14% สอดคล้องราคาน้ำมันปาล์มดิบขายส่ง กทม.ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบขายส่ง กทม.เฉลี่ยกิโลกรัมละ 36.98 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 33.99 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 8.80% ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซีย เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.64 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 31.76 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5.92%
คาดว่าปี 2569 ราคาผลปาล์มที่เกษตรขายได้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบขายส่ง กทม.และราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียลดลงจากปีที่ผ่านมา เพราะปริมาณการผลิตในประเทศ และตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลต่ออุปทานน้ำมันปาล์มโลกมีแนวโน้มขยายตัวทำให้ราคาน้ำมันปาล์มตลาดโลกลดลง
ก.อุตฯ จ่อชง ครม.อุ้มชาวไร่อ้อย
ขณะที่ราคาอ้อยที่กำลังเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวในเดือนธ.ค.2568 มีแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นลดลง ขณะที่ต้นทุนการปลูกอ้อยอยู่ที่ตันละ 1,358 บาท โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประกาศขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 3 บาท เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 แต่ถูกนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี สั่งชะลอทันที
สำหรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานจะเป็นฐานในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น และอ้อยขั้นปลาย ซึ่งการขึ้นราคาน้ำตาลทรายจะทำให้รายได้เข้าระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 ระหว่างชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาลสูงขึ้น และทำให้ราคาอ้อยสูงขึ้น
ทั้งนี้ ฤดูการหีบอ้อยปีการผลิต 2568/2569 คาดว่ามีอ้อยเข้าหีบ 93 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.9% จากปีก่อน เนื่องจากฝนตกดี และกระจายตัวทั่วถึง แต่ราคาข้างต้นลดลงเหลือเฉลี่ย 917 บาทต่อตัน จาก 1,060 บาทในปีก่อนหน้า ขณะที่ต้นทุนการปลูกอ้อยอยู่ที่ตันละ 1,358 บาท
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากที่ชะลอขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานแล้วได้หารือกับ สอน.เพื่อวางแนวทางบรรเทาผลกระทบ และยกระดับความสามารถการแข่งขันอุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาลทราย
“ต้นทุนการปลูกอ้อยอยู่ที่ 1,358 บาทต่อตัน แต่ราคาอ้อยเบื้องต้นเหลือ 900 บาทต่อตัน ขณะเดียวกันชาวไร่รับภาระต้นทุนเพิ่มจากมาตรการลดฝุ่น PM2.5 ที่ภาครัฐขอความร่วมมือ” นายธนกร กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอแผนมาตรการช่วยเหลือเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ โดยจะครอบคลุมด้านการเงิน การส่งเสริมเทคโนโลยี และการสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่อ้อยเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ชาวนา-โรงสี ชี้ ราคาข้าวร่วงสุดรอบ 20 ปี
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนา และเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ราคาข้าวในปัจจุบันน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะราคาข้าวขาวที่เป็นข้าวพื้นนุ่ม และชาวนาส่วนใหญ่ปลูกราคาตกต่ำหนักรอบ 20 ปี
ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ 4,000-5,000 บาทต่อตัน ขณะที่ต้นทุนการผลิตข้าวอยู่ที่ 5,500-6,000 บาทต่อตัน แต่ราคาขายลดลงจากปีที่แล้วที่เคยอยู่ที่ 10,000 บาทเศษ จึงต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลราคาข้าวที่ตกต่ำ รวมถึงดูแลราคาปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สมาคม ต้องการหารือนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาเปลือกเจ้าที่ราคาตกลงต่ำสุดรอบ 20 ปี โดยขณะนี้ราคาบางรายการลดลงถึง 50% จากปีที่ผ่านมา ที่ข้าวขาวเคยมีราคา 10,000 -12,000 บาทต่อตัน
แต่ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% ลงมาลึกถึง 6,200 บาทต่อตัน และข้าวสด ความชื้น 25 % ราคาลงมาเหลือ 5,000 บาทต่อตัน ส่งผลให้ราคาสินค้าต่อเนื่องลดลง เช่น รำข้าวราคาลง 40% ,ราคาปลายข้าวลดลง 35-40% กระทบรายได้โรงสีข้าว 90%
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวส่งออกโดยรวมไม่น่าจะขึ้นมาก โดยข้าวขาวว่าจะเคลื่อนไหว 300-350 ดอลลาร์ต่อตัน หรือราว 6,000 บาทต่อตันข้าวเปลือก ถือว่าไม่สูงนัก
ส่วนข้าวหอมมะลิยังราคาดี โดยขายได้ระดับ 950 ดอลลาร์ต่อตัน แม้ต้องเจอกำแพงภาษี 19% ในตลาดสหรัฐ โดยราคาข้าวหอมปรับขึ้นช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะฝนตกช่วงเก็บเกี่ยวทำให้เกษตรกรบางพื้นที่เก็บเกี่ยวล่าช้า และผลผลิตบางส่วนเสียหาย
“พาณิชย์” เตรียมมาตรการดูแลชาวนา
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในวันที่ 18 พ.ย.2568 เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวนา โดยที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุมาตรการที่จะรองรับผลผลิตข้าวที่จะออกสู่ตลาดช่วงปลายปี 2568 จำนวน 8.5 ล้านตัน รวม 4 มาตรการ ประกอบด้วย
1.สินเชื่อชะลอการขาย 3 ล้านตัน ดูดซับผลผลิตไม่ให้เข้าสู่ตลาดเร็ว 2.สินเชื่อสนับสนุนสถาบันเกษตรกรรวบรวม และแปรรูป 1.5 ล้านตัน 3.การเพิ่มสภาพคล่องผู้ค้าข้าวเก็บสต๊อก 4 ล้านตัน 4.การช่วยเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่
จับตาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า การที่ ครม.เห็นชอบนโยบาย และมาตรการนำเข้ากากถั่วเหลืองปี 2569-2571 เป็นเรื่องน่ายินดีที่ภาคธุรกิจปศุสัตว์จะคลายความกังวลการวางแผนการนำเข้ากากถั่วเหลือง โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อประกาศหมดอายุที่จะถึงในสิ้นปีนี้จึงขอขอบคุณ ครม.
นายเทอดศักดิ์ ลาภจิตรกุศร นายกสมาคมการค้าพืชไร่ เปิดเผยว่า ได้หารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร้องเรียนราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กระทรวงออกมาตรการตั้งราคารับซื้อที่ 9.80 บาท แต่ปัจจุบันราคานี้ซื้อน้อยมากเมื่อเกษตรกรนำไปขายไม่ได้ราคาตามที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่รับซื้อ 9.10-9.30 บาท โดยผลกระทบมาจากการนำเข้าวัตถุดิบทดแทน จึงทำให้การซื้อขายในประเทศลดน้อยลง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







