'ฮาลาลไทย' พุ่ง 8 พันล้านดอลล์ เร่งดันธุรกิจ ‘นิวเอสเคิร์ฟ’

สศอ.ชี้ ‘ฮาลาล’ โอกาสทองเศรษฐกิจไทย มูลค่าตลาดโลกทะลุ 1.36 ล้านล้านดอลลาร์ ไทยส่งออก 8 พันล้านดอลลาร์ ดันไทยผู้นำอาเซียน ปักหมุด “ฮาลาลอีโคโนมี” เครื่องจักรใหม่ดันจีดีพี สร้าง“ดีมานด์-ซัพพลาย-อีโคซิสเต็ม” สสว.ชง“ฮาลาล วันสตอปเซอร์วิส” เอสเอ็มอีแบงก์ ชู 3 ธงขับเคลื่อนหนุนเอสเอ็มอีฮาลาล “อิสลามแบงก์” แนะเปลี่ยนแนวคิดสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ
KEY
POINTS
- ปัจจุบันการส่งออกสินค้าฮาลาลของไทยมีมูลค่า 8,850 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งเพียง 1.6% ของตลาดสินค้าฮาลาลโลก ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
- สินค้าส่งออกฮาลาลหลักของไทยคือ อาหาร ซึ่งมีสัดส่วน 67% ของมูลค่าส่งออกฮาลาลไทย (ประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์) รองลงมาคือ เคมีภัณฑ์ 20% (1,750 ล้านดอลลาร์)
- ภาครัฐมองว่าเศรษฐกิจฮาลาลเป็น "เครื่องจักรใหม่" หรือ New S-Curve ที่จะช่วยขับเคลื่อน GDP โดยตั้งเป้าผลักดันการเติบโตให้ไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี จากปัจจุบันที่โตเพียง 4.2%
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้กำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลระยะ 5 ปี (2567-2571) ครอบคลุมการยกระดับมาตรฐาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการจัดตั้ง "นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล"
- หลายหน่วยงานร่วมผลักดันผู้ประกอบการ SME เช่น สสว. เสนอแนวคิด "ฮาลาล วันสตอปเซอร์วิส" และ ธพว. สนับสนุนด้านเงินทุนและการพัฒนาอย่างครบวงจร
- ไทยมีอุตสาหกรรมฮาลาลที่มีศักยภาพในการแข่งขัน 5 กลุ่ม ได้แก่ อาหารจากการพืช, อาหารสัตว์ (เนื้อสัตว์ปีก), สมุนไพรและเวชภัณฑ์, เครื่องสำอาง และกลุ่มสิ่งของแฟชั่น
“กรุงเทพธุรกิจ” จัดงานสัมมนา Thailand’s New Prospect ในโอกาสครบรอบ 55 ปี เนชั่นกรุ๊ป เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2568 ซึ่งมีการนำเสนอทิศทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมฮาลาลจะมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย
นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) Special Talk | THAILAND’s NEW PROSPECT: The Global Halal Economy ว่า สศอ.ศึกษาทั้งระบบนิเวศอุตสาหกรรมฮาลาลปี 2023 พบว่า ฮาลาลไม่ได้เป็นเพียงเรื่องอาหารอย่างเดียว แต่ครอบคลุมสินค้า และบริการไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา, เครื่องสำอาง, เคมีภัณฑ์, เสื้อผ้า, เครื่องมือแพทย์, สมุนไพร, อาหารเสริม, อาหารสัตว์, บรรจุภัณฑ์, ตลอดจนการท่องเที่ยว และการขนส่ง
จากการศึกษาพบว่ามูลค่าตลาดโลกฮาลาลรวมปี 2023 มีมูลค่าสูงถึง 1.36 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเป็นสินค้าฮาลาลมีมูลค่า 546,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีสินค้าหลักประกอบด้วย 1. อาหารฮาลาล มีสัดส่วนสูงที่สุดถึง 43% มูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ 2. เคมีภัณฑ์สัดส่วนสูงถึง 26% 3. Medicine สัดส่วนราว 11% ของมูลค่าสินค้าทั้งหมด
ส่วนบริการฮาลาลมีมูลค่า 815,000 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น 3 องค์ประกอบหลักที่มีมูลค่าสูงมาก ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2. การขนส่ง และ 3.การบริการทางธุรกิจอื่นๆ ซึ่งขนส่ง และบริการมีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือประมาณ 20–22% ของมูลค่ารวมบริการ
นายศุภกิจ กล่าวว่า แม้ตลาดโลกจะมีมูลค่ามหาศาล แต่ปัจจุบันการส่งออกสินค้าฮาลาลของไทยมีมูลค่า 8,850 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อเทียบมูลค่าสินค้าฮาลาลตลาดโลก (546,000 ล้านดอลลาร์) ส่วนแบ่งของไทยมีเพียงแค่ 1.6% จึงมีโอกาสในอนาคต
“ปัจจุบันสินค้าส่งออกหลักของไทย คือ อาหาร ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 67% ของมูลค่าการส่งออกฮาลาลของไทย (ประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์) รองลงมาคือ เคมีภัณฑ์ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20% (1,750 ล้านดอลลาร์)”
ทั้งนี้ ไทยมี 5 อุตสาหกรรมที่มีความสามารถการแข่งขัน ได้แก่ 1.อาหารการพืช มีศักยภาพสูงในการแปรรูปวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล น้ำมันปาล์ม และผลไม้ 2.กลุ่มอาหารสัตว์ โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อสัตว์ปีก 3.กลุ่มสมุนไพรและเวชภัณฑ์ 4.กลุ่มเครื่องสำอาง 5.กลุ่มสิ่งของและแฟชั่น
จีนส่งออกฮาลาลอันดับ 1 ของโลก
ส่วนประเทศผู้ส่งออกหลักในตลาดฮาลาลโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน สหรัฐ อินเดีย เยอรมนี และบราซิล ส่วนประเทศผู้นำเข้า และบริโภคหลักคือกลุ่ม OIC (ประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม) นำโดยตุรกี 18% ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์, ซาอุดีอาระเบีย, อินโดนีเซีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับผู้ประกอบการไทย
นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า แม้ตลาดฮาลาลโลกจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 6–8% แต่สินค้าไทยยังเติบโตเพียง 4.2% ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริง จึงจำเป็นต้องเร่งวางยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันการเติบโตไม่น้อยกว่า 10% และผลักดันไทยให้เป็น “ศูนย์กลางฮาลาลของอาเซียน”
ทั้งนี้ สศอ. ได้กำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลระยะ 5 ปี (2567-2571) ครอบคลุมการยกระดับมาตรฐานฮาลาลให้เป็นสากล พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต และโลจิสติกส์ รวมถึงการจัดตั้ง “นิคมอุตสาหกรรมฮาลาล” เพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต
“ฮาลาลคือ ประตูเศรษฐกิจใหม่ของไทย ที่สามารถต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศ ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยว และสุขภาพ ซึ่ง สศอ. จะผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่แนวหน้าธุรกิจฮาลาลโลกอย่างยั่งยืน”
ปักหมุด “ฮาลาลอีโคโนมี” เครื่องจักรใหม่ดันจีดีพี
นายภัทรพล ลิ้มภักดี รองผู้อำนวยการ สศอ.กล่าวในเวทีเสวนา Panel Discussion : “Halal Economy ขุมทรัพย์ใหม่ทางเศรษฐกิจ” ว่า ฮาลาลเป็น “เครื่องจักรใหม่” ที่มีศักยภาพช่วยขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรม หลังจากที่ไทยมีสัดส่วนส่งออกสินค้า และบริการฮาลาลเพียง 1.6% ของตลาดโลก ซึ่งสะท้อนถึง “ช่องว่างทางโอกาส” ขนาดใหญ่ที่ต่อยอดได้
ทั้งนี้ สศอ.จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลระยะเฟสแรก (2567-2570) โดยกำหนดแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮาลาลไทยเป็นระบบผ่าน 3 มาตรการหลัก คือ
1.ด้านดีมานด์ โดยส่งเสริมการค้า และสร้างการรับรู้ในตลาดโลก เพื่อให้สินค้า และบริการฮาลาลของไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล
2.ด้านซัพพลาย โดยยกระดับคุณภาพสินค้า และกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงคำนึงถึงแนวโน้มใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตแบบโลว์คาร์บอน และการใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการส่งออกในอนาคต
3.ด้านอีโคซิสเต็ม เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และพัฒนากลไกสนับสนุนให้สอดรับกับนโยบาย Quick–Big–Win ทั้งระยะสั้น กลางและยาว
สสว.ชง"ฮาลาล วันสตอปเซอร์วิส"
ดร.ปณิตา ชินวัตร รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการ SME โดยมุ่งเน้นให้เข้าใจ และสามารถแก้ไข “จุดด้อย” ของธุรกิจได้อย่างตรงจุด ทั้งในด้านการบริหารจัดการ กระบวนการผลิต การตลาด และคุณภาพสินค้า
หนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบคือ การเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการพัฒนา ผู้ประกอบการจำนวนมากยังขาดความรู้ ความเข้าใจ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฮาลาล ที่มักมองว่าการขออนุญาตหรือการรับรองมาตรฐานฮาลาลเป็นเรื่องยุ่งยาก ส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการขยายตลาด
“อยากให้ทุกฝ่ายร่วมผลักดันแนวคิด “ฮาลาล วันสตอปเซอร์วิส” (Halal One Stop Service) เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าไทย ทั้งสินค้าฮาลาล และสินค้าทั่วไป ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก”ดร.ปณิตา กล่าว
ชู 3 ธงขับเคลื่อนหนุน SME ฮาลาลเต็มสูบ
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ธนาคารได้เดินหน้าหนุนผู้ประกอบการ SME ฮาลาล ยกระดับศักยภาพผ่าน “DX Platform” และดำเนินการทั้งภาคการเงิน การพัฒนา เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME อย่างครบวงจร โดยได้วาง “สามธงสำคัญ” ได้แก่
1.การเติมทุน โดยมีโครงการสินเชื่อ และแหล่งทุนที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในตลาดฮาลาล เพื่อให้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้สะดวก และต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
2.การพัฒนาผู้ประกอบการ เน้นการเตรียมความพร้อมของ SME ก่อนเข้าถึงแหล่งทุน ผ่านการอบรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ และพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพเพียงพอในการบริหารธุรกิจ
3.การร่วมลงทุนโดยการเข้าร่วมลงทุนเพื่อลดภาระทางการเงินของผู้ประกอบการ และเพิ่มโอกาสในการขยายกิจการโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้เพียงอย่างเดียว
“ควรจัดตั้ง “ศูนย์บูรณาการเศรษฐกิจฮาลาล” (Halal Economy Integration Center) เพื่อเป็นศูนย์กลางนโยบาย และการประสานงานแบบ Single Command” นายพิชิต กล่าว
“เศรษฐกิจฮาลาล” พลังขับเคลื่อนระดับโลก
นายณรงค์เดช สุขจันทร์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รองประธานฝ่ายกิจการฮาลาล กล่าวว่า มาตรฐานฮาลาลที่ผ่านการรับรองในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ฮาลาลของมุสลิมในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นฮาลาลของประเทศไทยทั้งหมด โดยใช้ชื่อว่า “The Central Islamic Council of Thailand” ซึ่งหมายถึงมาตรฐานนี้เป็นการรับรองฮาลาลของประเทศไทย โดยความน่าเชื่อถือของมาตรฐานฮาลาลไทยมีรากฐานมายาวนาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2492 หรือเมื่อ 70 กว่าปีมาแล้ว
ทั้งนี้ องค์กรที่บริหารเครื่องหมายฮาลาลคือ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และเป็นโลโก้ฮาลาลเดียวของไทย ที่ผู้ประกอบการใช้บนบรรจุภัณฑ์ได้ ทั้งนี้ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ คือ โลโก้นี้นำไปขายได้ทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่มีต่อไทยไม่ว่าจะเป็นตลาดมุสลิม เช่น อาหรับ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือประเทศที่ไม่ได้นับถืออิสลาม
เปลี่ยน Mind Set สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ
ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยต้องปลี่ยน Mind Set ของผู้ประกอบการที่ต้องทำความเข้าใจปรับตัวสู่มาตรฐานของฮาลาลเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งยกระดับเป็น “Muslim friendly country” ให้ได้ โดยไทยมีจุดแข็งชัดเจนในการเป็นประเทศเปิดรับวัฒนธรรม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอิสลามหรือที่รู้จักกันในชื่อเศรษฐกิจฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาลที่ไทยควรใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ในปัจจุบัน 1 ใน 4 ของประชากรโลกคือชาวมุสลิม ทำให้เกิดกำลังซื้อขนาดใหญ่ โดยข้อมูลจาก McKinsey ของโลกมุสลิมในการเก็บข้อมูลตลาดอิสลาม ชี้ให้เห็นว่ากำลังซื้อที่อยู่ในระบบการเงินอิสลามนั้นใหญ่โตมหาศาล
สัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเศรษฐกิจฮาลาลคือ อาหาร รองลงมาคือเรื่อง ท่องเที่ยวและการเดินทาง และสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือประชากรมุสลิมส่วนใหญ่เป็น คนรุ่นใหม่ที่มีอายุน้อย นั่นหมายถึงโอกาสในการเติบโตและกำลังซื้อในอนาคตมีสูงมาก
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







