ไทยเร่งเครื่องเข้า ‘OECD’ เล็งเป็นสมาชิกก่อนปี 73 ‘กฤษฎีกา’ แนะตั้ง KPI หัวหน้าส่วนราชการ

ไทยเร่งเครื่องเข้า ‘OECD’ เล็งเป็นสมาชิกก่อนปี 73  ‘กฤษฎีกา’ แนะตั้ง KPI หัวหน้าส่วนราชการ

รัฐบาลเร่งรัดกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ให้สำเร็จเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ภายในปี พ.ศ. 2573คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอให้ใช้มาตรฐานของ OECD มากำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าส่วนราชการ

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเร่งรัดกระบวนการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ให้สำเร็จเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ภายในปี พ.ศ. 2573
  • คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอให้ใช้มาตรฐานของ OECD มากำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อเตรียมความพร้อม
  • นายกรัฐมนตรีและภาคเอกชนเห็นว่าเป้าหมาย 5 ปีนานเกินไป และเสนอให้เร่งรัดกระบวนการให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานเมื่อเร็วๆนี้เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำมาตรฐานในตราสารทางกฎหมายขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) มากำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ

โดยนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ข้อมูลกับที่ประชุมว่าในปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เผยแพร่ตราสารทางกฎหมายของ OECD มากกว่า 240 ฉบับ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดีของประเทศสมาชิก OECD ที่สามารถส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

โดยการกำหนด KPI ดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถปรับตัวและขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีของประเทศสมาชิก OECD เพื่อเตรียมการเข้าร่วมเป็นสมาชิกต่อไป

ขณะที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการฯ เห็นว่าเป้าหมายการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ของไทยที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี (ภายในปี พ.ศ. 2573 หรือ ค.ศ. 2030) เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ได้เร็วขึ้นกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีความเห็นว่า การดำเนินการเพื่อรองรับการเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD จะต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วย เนื่องจากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีของประเทศสมาชิก OECD

โดยในประเด็นนี้นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้กล่าวสนับสนุนแนวความเห็นดังกล่าว โดยเสนอว่าควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2-3 ปี เพื่อให้ไทยสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ได้เร็วขึ้น

ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิก OECD ได้เร็วขึ้นกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้