บอร์ดเพิ่มขีดแข่งขัน เคาะ 2 มาตรการใหญ่ หนุนSME ไทยยกระดับการผลิต สร้างแรงงาน 1 แสนคนตอบโจทย์อุตฯเป้าหมาย

บอร์ดเพิ่มขีดแข่งขัน เคาะ 2 มาตรการใหญ่ หนุนSME ไทยยกระดับการผลิต สร้างแรงงาน 1 แสนคนตอบโจทย์อุตฯเป้าหมาย

บอร์ดเพิ่มขีดความสามรถแข่งขันไฟเขียวมาตรการสำคัญ 2 มาตรการ วงเงิน 5,000 ล้านบาท  ให้เงินสนับสนุนสูงสุด 100 ล้านบาทต่อบริษัท ในการยกระดับ- เพิ่มขีดความสามารถ พร้อมพัฒนากำลังคน 1 แสนคน ภายใต้นโยบาย Quick Big Win รัฐบาล มุ่งยกระดับขีดความสามารถแข่งขันอุตสาหกรรมไทย

KEY

POINTS

  • บอร์ดขีดแข่งขันฯ อนุมัติ 2 มาตรการใหญ่ เพื่อยกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการไทยและสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
  • มาตรการแรก สนับสนุนเงินทุนให้ SME ไทยสูงสุด 100 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่
  • มาตรการที่สอง ตั้งเป้าสร้างบุคลากรทักษะสูง 1 แสนคน โดยสนับสนุนสถาบันการศึกษาเพื่อจัดอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่

วันนี้ (6 พ.ย.) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้BOI ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานวันนี้ มีมติเห็นชอบ 2 มาตรการสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคตภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล

 

มาตรการแรก คือ “มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” โดยจะให้เงินทุนสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 30-50 ของเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท  โดยมาตรการนี้จะใช้วงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัล การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการปรับเปลี่ยนกิจการเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมสีเขียว

ผู้ยื่นขอใช้สิทธิตามมาตรการนี้ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ และยานยนต์ โดยต้องลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่กรณีเป็น SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือนนับจากวันออกบัตรส่งเสริม

ทั้งนี้จากการหารือกับภาคเอกชน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 30-40 ราย ที่มีความพร้อมที่จะลงทุน โดยการสนับสนุนจะแบ่งเป็นอุดหนุน 50% สำหรับโครงการ R&D 30% สำหรับการเปลี่ยนเครื่องจักร แต่หากเป็นการใช้เครื่องจักรที่มีการใช้ Local Contenrt ก็จะได้อุดหนุน 50% 

นอกจากนี้ เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการดำเนินการตามเงื่อนไขแล้ว บีโอไอจึงร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการพัฒนาสินเชื่อในรูปแบบ Bridging Loan และกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการระหว่างรอการเบิกจ่าย

มาตรการที่สอง คือ “มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่” โดยกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภายใต้วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท 

เพื่อจะสนับสนุนเงินให้กับมหาวิทยาลัย/สถาบันฝึกอบรมที่จะเป็นหน่วยงานแม่ข่าย (Node) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมและยกระดับทักษะของกำลังคนระดับ ปวส. ขึ้นไป โดยมีเป้าหมายพัฒนาบุคลากร 1 แสนคน แบ่งเป็นนักศึกษาที่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 30,000 คน และบุคลากรในตลาดแรงงานที่ต้องการยกระดับหรือปรับเปลี่ยนทักษะ (Upskill & Reskill) 70,000 คน

รูปแบบการฝึกอบรมครอบคลุมทั้งแบบ Bootcamp, Onsite & Online Training รวมทั้งการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ โดยหลักสูตรต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือองค์ความรู้ขั้นสูง และต้องได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเงินสนับสนุนจะครอบคลุมค่าฝึกอบรม ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงาน และค่าตอบแทนผู้ดูแลการฝึกงาน ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการฝึกอบรมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากวันออกบัตรส่งเสริม

บอร์ดเพิ่มขีดแข่งขัน เคาะ 2 มาตรการใหญ่ หนุนSME ไทยยกระดับการผลิต สร้างแรงงาน 1 แสนคนตอบโจทย์อุตฯเป้าหมาย

นายนฤตม์ กล่าวว่ามาตรการที่บอร์ดอนุมัติในครั้งนี้จะเป็นการพลิกบทบาทกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้เป็นเครื่องมือด้านการเงินที่ใช้ในการยกระดับอุตสาหกรรมไทย ทั้งด้านการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวเพื่อยกระดับเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการสร้างบุคลากรทักษะสูงเพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ นับเป็นแคมเปญสร้างบุคลากรสำหรับภาคอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งการยกระดับขีดความสามารถทั้งสองด้านนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอด แข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน