ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังร่วงสองวัน สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่ม

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังร่วงสองวัน เหตุสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มสูงสุดนับแต่เดือนกรกฎาคม ตลาดยังกังวลภาวะน้ำมันล้นตลาด
บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (6 พ.ย.68) ว่าราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจากร่วงลงติดต่อกันสองวัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้ยืนยันว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ซื้อขายต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ร่วงลง 2.4% ในสองวันที่ผ่านมา ขณะที่เบรนท์ปิดตลาดต่ำกว่า 64 ดอลลาร์ในวันพุธ (5 พ.ย.68) รายงานของ EIA ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดตามใกล้ชิด แต่การที่ปริมาณสำรองผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงก็ช่วยชะลอแรงกดดันขาลงของตลาด
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ร่วงลงมาประมาณ 17% ในปีนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศโอเปกพลัส (OPEC+) และประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันล้นตลาดทั่วโลก ผู้บริหารบริษัทการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ Mercuria กล่าวในการประชุม Adipec ที่กรุงอาบูดาบีเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ภาวะน้ำมันล้นตลาดกำลังเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ แต่คาดว่าจะสูงถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า
รายงานของ EIA ยังเปิดเผยอีกว่า ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 5 ล้านบาร์เรล เหลือระดับต่ำสุดในรอบสามปี แม้ว่าการส่งออกและความต้องการจะคงที่
อัปเดตราคาน้ำมันเช้านี้
· WTI สำหรับส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 0.2% มาอยู่ที่ 59.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 07:04 น. ตามเวลาสิงคโปร์
· เบรนท์สำหรับส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 1.4% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์ในวันพุธ





