ราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่อเนื่อง สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่อเนื่อง สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเช้าพุธนี้ลดลงเป็นวันที่สอง หลังจากรายงานของภาคอุตสาหกรรมระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน ตลาดกังวลน้ำมันล้นตลาด

บลูมเบิร์ก รายงานว่าเช้านี้ (5 พ.ย.68) ราคาน้ำมันดิบร่วงลงเป็นวันที่สอง หลังจากรายงานของภาคอุตสาหกรรมระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) ทรงตัวเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดตลาดที่มากกว่า 64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันอังคาร (4 พ.ย.68) สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ตามเอกสารจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ที่บลูมเบิร์กได้รับมา ซึ่งจะเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม หากข้อมูลอย่างเป็นทางการได้รับการยืนยันในวันพุธ

ราคาน้ำมันลดลงในวันอังคารหลังจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มชะลอตัว และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน ซึ่งส่งผลกดดันต่อน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 16% ในปีนี้

เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโอเปกพลัส และประเทศนอกกลุ่ม ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้ว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นบ้าง หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัท Rosneft PJSC และ Lukoil PJSC ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว

อัปเดตราคาเช้านี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ 60.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 7:25 น. ตามเวลาที่สิงคโปร์

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 0.7% มาอยู่ที่ 64.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อวันอังคาร