1 เดือน ‘รัฐบาลอนุทิน’ โยกย้ายข้าราชการ หวังตอบโจทย์ผลงาน-เร่งนโยบายเศรษฐกิจ

รัฐบาลอนุทินโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเศรษฐกิจหลายแห่งในช่วงเดือนแรก เพื่อเร่งรัดนโยบาย และสร้างผลงาน
KEY
POINTS
- รัฐบาลอนุทินโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงเศรษฐกิจหลายแห่งในช่วงเดือนแรก เพื่อเร่งรัดนโยบาย และสร้างผลงาน
- มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญในกระทรวงการคลัง, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.), และกระทรวงแรงงาน
- การย้ายนายดนุชา พิชยนันท์ กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช. มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของไทย
การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวง และหน่วยงานสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนให้แผน และนโยบายการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลประสบความสำเร็จ
ช่วงการบริหารประเทศของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา มีการโอน โยกย้ายข้าราชการในกระทรวง หน่วยงานเศรษฐกิจ หลายตำแหน่งเริ่มจากวันที่ 7 ต.ค.2568 มีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงการคลัง 7 ตำแหน่ง ได้แก่
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท จากอธิบดีกรมศุลกากร เป็นอธิบดีกรมสรรพากร
นายปิ่นสาย สุรัสวดี จากอธิบดีกรมสรรพากร เป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ จากผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นอธิบดีกรมศุลกากร
นายอัครุตม์ สนธยานนท์ จากรองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมธนารักษ์
นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล จากผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)
นายคณาวุฒิ สิติธีรพันธุ์ จากที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
นายพนิต ธีรภาพวงศ์ จากที่ปรึกษากฎหมาย เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
ล่าสุด วันที่ 4 พ.ย.2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการอนุมัติโอนย้ายข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานสำคัญอย่างสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และกระทรวงแรงงาน
นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการ สั่ง และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนของสำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
รับโอน นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ สศช. และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร.เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับการบริหารราชการ สั่ง และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนของ สศช.เสนอ
รับโอน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช. สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
โยกย้ายแรงงาน 3 ตำแหน่ง
นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง 3 ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่จะว่างลง โดยนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว ได้แก่
1.นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการจัดหางาน
2.นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน ดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน
3.นางสาวกาญจนา พูลแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ พิจารณาอนุมัติบรรจุ และแต่งตั้ง นางสาวสุภัค ไชยวรรณ ผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2568 เป็นต้นไป
โอน “ดนุชา” กลับเดินหน้าแผนเข้า OECD
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงโดยการโอนย้ายนายดนุชา จากเลขาธิการ สทนช.กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช.นั้นเนื่องมาจากมีงานที่ สศช.จะต้องดำเนินการต่อเนื่องในการขับเคลื่อนให้ไทยเป็นสมาชิก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนา (OECD) ซึ่งจะต้องเข้าเป็นสมาชิกตามกรอบระยะเวลาในปี 2030
ทั้งนี้ นายดนุชาได้มีบทบาทในการทำเรื่องนี้มาต่อเนื่อง และนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเข้าเป็นสมาชิก OECD ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในหลายๆ ด้านในระดับสากล และช่วยให้ประเทศไทยนั้นได้รับการยอมรับมากขึ้นทั้งในด้านการค้า และการลงทุน
รวมทั้งการเข้าเป็นสมาชิก OECD นั้นมีขั้นตอนที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่ออีกมาก รวมทั้งการขอเสียงสนับสนุนจากนานาประเทศ ซึ่งการที่นายดนุชากลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช.นั้นจะช่วยขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้สำเร็จตามเป้าหมายของประเทศไทยที่กำหนดไว้
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การโอนย้ายนายดนุชาในการกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สศช.นั้นนายกรัฐมนตรีมองว่าเป็นการใช้คนที่เหมาะกับงาน และถูกฝาถูกตัว
เนื่องจากงานของรัฐบาลมีหลายเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนผ่านนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งนายดนุชาถือว่ามีประสบการณ์ในการเป็นเลขาธิการ สศช.มาเป็นระยะเวลานาน และสามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการกลับเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ยังมีภารกิจที่จะมาสานต่อ เช่น การทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2569
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการจัดทำแผนงบประมาณระยะปานกลาง ที่มุ่งเน้นลดการขาดดุลงบประมาณ และการสร้างเสถียรภาพการคลังระยะยาวมากขึ้น รวมทั้งการจัดทำกรอบงบประมาณปี 2570 ที่ต้องมีการร่วมกันทำระหว่าง 4 หน่วยงาน ทั้ง สศช. สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ที่จะร่วมกันจัดทำในส่วนนี้ ซึ่งนายดนุชา จะได้กลับเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนระดับประเทศในส่วนนี้ด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







