กรมประมง ร่วม INFOFISH ดันอุตสาหกรรมปลานิลสู่ความยั่งยืน

กรมประมง จับมือ INFOFISH เปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ผลักดันอุตสาหกรรมปลานิลสู่ความยั่งยืน สะท้อนศักยภาพไทยคือผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงปลานิลที่สำคัญของโลก
นายพลพิศิลป์ สุวรรณชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการประมง ในฐานะผู้แทนประเทศไทย เปิดเผยในการเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม The 5th INFOFISH World Tilapia Trade Conference and Exhibition ว่า กรมประมง ร่วมกับ องค์การระหว่างประเทศด้านข่าวสารการตลาดและบริการแนะแนวด้านเทคนิคของ สินค้าสัตว์น้ำ แห่งเอเชียและแปซิฟิก (INFOFISH) จัดการประชุมระหว่างประเทศ The 5th International Technical Conference and Exposition on Tilapia ภายใต้แนวคิด “Enhancing Innovation and Sustainability for the Future of Tilapia Industry” หรือ “การเสริมสร้างนวัตกรรมและความยั่งยืนเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมปลานิล”
โดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมปลานิลโลก (World Tilapia Association), การประชุม The International Symposium on Tilapia in Aquaculture ครั้งที่ 13, องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO), มหาวิทยาลัยแอริโซนา (The University of Arizona), สภาการส่งออกถั่วเหลืองแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Soybean Export Council: USSEC) และภาคีเครือข่ายในอุตสาหกรรมปลานิลทั่วโลก การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมปลานิลระดับโลก ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขัน และความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลานิลในอนาคต
การประชุม Tilapia 2025 ในครั้งนี้ มีเนื้อหาที่สำคัญ ได้แก่ ภาพรวมของตลาดปลานิลทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญจากภูมิภาคสำคัญ อาทิ เอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และยุโรป มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวโน้มการผลิตและตลาดในแต่ละภูมิภาค การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสมัยใหม่ เช่น ระบบ Bio-RAS, IMTA, และการเลี้ยงในน้ำกร่อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานของปลานิลต่อสภาพแวดล้อม การนำเสนอองค์ความรู้ด้านสุขภาพและโภชนาการของปลานิล รวมถึงการพัฒนาวัคซีน และอาหารสัตว์น้ำจากวัตถุดิบทางเลือก เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต
นอกจากนี้ ยังมีการหารือด้านการเพิ่มมูลค่า และขยายตลาดผลิตภัณฑ์ปลานิล การใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ในกระบวนการแปรรูป การส่งเสริมการลงทุนและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตลอดจน การเสวนาเกี่ยวกับสวัสดิภาพของปลานิลและการรับรองมาตรฐานการผลิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างอนาคตที่มั่นคงให้แก่อุตสาหกรรมปลานิลของโลก
สำหรับประเทศไทย “ปลานิล” มีความหมายที่ลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวไทยอย่างยิ่ง โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพันธุ์ปลานิลจำนวน 10,000 ตัว ให้กรมประมงนำไปเพาะขยายและเผยแพร่ แก่เกษตรกรทั่วประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ “ปลานิลจิตรลดา” สายพันธุ์พระราชทานที่มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง ต่อการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งปัจจุบัน กรมประมงยังคงสืบสานพระราชปณิธาน อันทรงคุณค่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ปลานิลไทยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งด้านการเจริญเติบโต ความแข็งแรงต้านทานโรค และคุณภาพของเนื้อปลา เพื่อรองรับความต้องการปลานิลทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างยั่งยืน
"การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศในฐานะผู้นำด้านการเพาะเลี้ยงปลานิลที่สำคัญของโลก อีกทั้งยังเป็นเวทีที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ ในการร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมปลานิลของโลกในอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ สร้างโอกาสทางการลงทุน และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของประชาคมโลกอย่างแท้จริง โดยกรมประมง ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร รวมถึงการส่งเสริมการผลิตปลานิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเติบโตของอุตสาหกรรมประมงไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต"
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม Jubilee Prestige Hotel Ratchadapisek กรุงเทพมหานคร โดยมีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปลานิลจากทั่วทุกมุมโลก เข้าร่วมงานรวมกว่า 350 คน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปลานิลให้เติบโตอย่างยั่งยืน







