วัดใจ 'ซีพี' ลงทุนเพิ่ม 1 แสนล้าน รับดีลไฮสปีด 'อู่ตะเภา-ตราด'

วัดใจ 'ซีพี' ลงทุนเพิ่ม 1 แสนล้าน รับดีลไฮสปีด 'อู่ตะเภา-ตราด'

"คมนาคม" เร่งแก้ปัญหารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เร่งหาข้อสรุปร่วม CP - สพกอ.การรถไฟ และอัยการ 14 พ.ย.68 นี้ จับตา CP รับออปชันเสริม ลงทุนเพิ่ม 1 แสนล้านบาท ขยาย "ไฮสปีด 3 สนามบิน" อีก 190 กิโลเมตร เชื่อมระยอง-จันทบุรี-ตราด หลัง “พิพัฒน์” ค้านสุดตัวแก้สัญญาแบบสร้างไปจ่ายไป เหตุแก้ไขสัญญาอัยการติงอาจขัดหลักการ และกฎหมาย

KEY

POINTS

  • "คมนาคม" เร่งแก้ปัญหารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เร่งหาข้อสรุปร่วม สพกอ.การรถไฟ CP และอัยการ 14 พ.ย.นี้ ขณะที่ "พิพัฒน์" ค้านสุดตัวแก้สัญญาแบบสร้างไปจ่ายไป เหตุแก้ไขสัญญาอัยการติงอาจขัดหลักการ และกฎหมาย
  • จับตา CP รับออปชันเสริม ลงทุนเพิ่ม 1 แสนล้านบาท ขยาย "ไฮสปีด 3 สนามบิน" อีก 190 กิโลเมตร เชื่อมระยอง-จันทบุรี-ตราด แนวทางใหม่จูงใจการลงทุน
  • หาก CP ยอมรับข้อเสนอ รูปแบบร่วมทุนอาจทำเป็นสัญญาต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ แต่มีเงื่อนไขต้องเจรจาผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับรัฐ

 

 

 

ปัญหาการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่ล่าช้าส่งผลต่อการออกหนังสือเริ่มงาน (NTP) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้กับบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ที่มีเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ถือหุ้นใหญ่

สำหรับโครงการดังกล่าวลงนามสัญญาร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2562 หลังชนะการประมูล และขอรับเงินร่วมลงทุนจากรัฐต่ำสุด 117,226 ล้านบาท ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ปัญหาโควิด-19 ทำให้เอกชนคู่สัญญาขอให้ภาครัฐมีมาตรการชดเชย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการที่ครอบคลุมการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564

ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนต้องไม่เข้าลักษณะการสร้างไปจ่ายไปตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบไว้ในช่วงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ประชุม กพอ.ครั้งที่ 5/2568 ถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในวันที่ 3 พ.ย.2568

สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้ติดตามความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยส่วนหนึ่งได้หารือเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งติดปัญหาแก้ไขสัญญาร่วมทุน และยังไม่สามารถเริ่มงานก่อสร้างได้

แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากมีคณะกรรมการใหม่จำนวนมาก ทำให้เป็นเพียงการหารือเบื้องต้นเพื่อศึกษาแนวทางในการไปเจรจากับบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด 

“รัฐมีเป้าหมายให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินโครงการภายใต้รัฐบาลนี้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้เดินหน้าโครงการไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย รับฟังความเห็นของอัยการนำไปดำเนินการ หากการแก้ไขสัญญาร่วมทุนขัดต่อกฎหมาย ต้องศึกษา และเจรจาใช้แนวทางอื่น” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายพิพัฒน์ มีแนวทางให้ กพอ.หาข้อสรุประหว่าง สกพอ.และ รฟท.ในการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพราะล่าช้ามากกว่า 6 ปี โดยในวันที่ 14 พ.ย.2568 จะมีการประชุมระหว่าง สกพอ.รวมถึง รฟท. บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อหาขอยุติที่สามารถเดินหน้าโครงการต่อได้

โดยในการหารือวันที่ 14 พ.ย.68 นี้ กพอ.มีเป้าหมายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือถึงปัญหา และหาทางออกร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นที่อัยการมีความเห็นกลับมา รฟท. และ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด มีความเห็นอย่างไร มีแนวทางที่จะปรับแก้เพื่อทำให้โครงการเดินหน้าได้อย่างไร ดังนั้นในวันที่ 14 พ.ย.68 นี้ จะเป็นเน้นหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติของปัญหาที่มีอยู่ ก่อนจะไปพิจารณาถึงเงื่อนไขอื่นๆ 

ขณะที่กระทรวงคมนาคมเห็นว่าการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนต้องสอดคล้องกับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งมีความเห็นหลายประเด็น โดยเฉพาะการปรับรูปแบบการจ่ายเงินสนับสนุนของรัฐ จากเดิมสร้างเสร็จแล้วจ่าย ปรับเป็นจ่ายเป็นงวดงานในลักษณะสร้างไปจ่ายไป ซึ่งอัยการมีความกังวลว่าอาจขัดหลักการของสัญญา ซึ่งทำให้กระทรวงคมนาคมจะไม่ดำเนินการแก้ไขสัญญาต่อ

“ไฮสปีดสามสนามบินเป็นโครงการที่ล่าช้ามานานมาก ดังนั้นในช่วง 4 เดือนของรัฐบาลนี้ จะพยายามผลักดันในสิ่งที่ผ่านมาแล้วและยังไม่จบ พยายามทำให้ได้ข้อสรุปมากที่สุด ทำให้มีความเคลื่อนไหว มีข้อสรุปในระดับหนึ่ง ดังนั้นตอนนี้ต้องหารือแนวทางที่เหมาะสมให้ได้ และนำไปเจรจากับเอกชน” แหล่งข่าวกล่าว

วัดใจ “ซีพี” รับสัญญาส่วนต่อขยาย

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ มีแนวคิดที่จะเจรจาเพื่อหาแรงจูงใจในการลงทุนโครงการนี้เพิ่มขึ้น โดยจะเจรจากับบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เพื่อรับดำเนินโครงการช่วงส่วนต่อขยายจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาไปยังเมืองระยอง จันทบุรี และสิ้นสุดที่ตราด ซึ่งถือเป็นส่วนต่อขยายที่จะจูงใจให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น มีผู้โดยสารมากขึ้น และคุ้มค่าต่อการลงทุน

ทั้งนี้ หากแนวทางที่เหมาะสม การเจรจากับเอกชนได้ข้อสรุปรับข้อเสนอออปชันเสริมนี้ ก็จะนำออปชันเสริมสร้างส่วนต่อขยายนี้ทำสัญญาใหม่ หรือสัญญาต่อเนื่องกับสัญญาเดิม ไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ ซึ่งจะทำให้โครงการเดินหน้าเร็วขึ้น แต่เอกชนจะต้องรับเงื่อนไขเจรจาผลตอบแทนให้กับรัฐเพิ่มเติมด้วย เพื่อยืนยันว่าออปชันเสริมไม่ได้ทำเพื่อเอื้อเอกชน

ชี้ “ซีพี”ต้องลงทุนเพิ่มอีก 1 แสนล้าน

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า โครงการส่วนต่อขยายไฮสปีด 3 สนามบิน รฟท.เคยจัดประชุมเพื่อประเมินความสนใจเบื้องต้นของภาคเอกชน (Market Sounding) เมื่อปี 2563 โดยศึกษาขยายเส้นทางไปยังจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะก่อสร้างทางรวม 190 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินรถรวม 64 นาที

สำหรับผลการศึกษาพบว่าโครงการดังกล่าวประเมินใช้งบลงทุน 101,728 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินค่าเวนคืนที่ดิน 12,999 ล้านบาท, วงเงินงานโยธา 69,148 ล้านบาท วงเงินงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) 12,088 ล้านบาท เป็นต้น โดยประเมินผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เพียง 5.39% ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่รัฐกำหนด 12% สะท้อนว่าไม่คุ้มค่าการลงทุน

ทั้งนี้ รฟท.จึงศึกษารูปแบบการลงทุนโดยจะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost ให้อายุสัมปทานตามกฎหมาย PPP กำหนดไม่เกิน 50 ปี ส่วนจำนวนผู้โดยสาร คาดการณ์ว่าปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีผู้โดยสารวันละ 7,429 คน หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2581 เป็นในวันละ 10,896 คน ปี 2591 เพิ่มเป็น 15,251 คน และปี 2601 เพิ่มขึ้นเป็น 19,575 คน ตามลำดับ

ขยายเส้นทางเพิ่ม 190 กิโลเมตร

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะทาง 190 กิโลเมตร รฟท.ศึกษาอัตราค่าโดยสารแรกเข้าอยู่ที่ 95 บาท และบวกเพิ่มอีกกิโลเมตรละ 2.1 บาทตลอดเส้นทาง รวมตลอดเส้นทางระยอง-จันทบุรี-ตราด ค่าโดยสารสูงสุด 494 บาท อีกทั้งจะมีรายได้เพิ่มเติมจากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี (TOD) โดยเอกชนต้องลงทุนจัดหาพื้นที่เอง

สำหรับส่วนต่อขยายจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด มีจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือโครงการไฮสปีดเทรนระยะที่ 1 โดยจะเชื่อมต่อฝั่งตะวันออกของสนามบินอู่ตะเภากับอีก...สถานี โดยผ่านสถานีรถไฟบ้านฉาง เข้าสู่สถานีระยอง ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3574 (ระยอง-บ้านค่าย) ห่างจากสี่แยกเกาะลอยประมาณ 3 กิโลเมตร

จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งหน้าสู่อำเภอแกลง เข้าสู่สถานีแกลง ซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ห่างจากสามแยกแกลง ประมาณ 2 กิโลเมตร วิ่งตามแนวเ ส้นทางรถไฟทางคู่บางช่วง ผ่านอำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ เข้าสู่สถานีจันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแยกเขาไร่ยา

ผ่านอำเภอเมืองจันทบุรี อำเภอมะขาม อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เข้าอำเภอเขาสมิง และมาสิ้นสุดโครงการบริเวณสถานีตราด ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บนทางหลวงหมายเลข 3 (ถ.สุขุมวิท) ห่างจากสามแยกตราด ประมาณ 2 กิโลเมตร รวมระยะทาง 190 กิโลเมตร โดยมีสถานีรวมทั้งสิ้น 4 สถานี คือ สถานีระยอง สถานีแกลง สถานีจันทบุรี และสถานีตราด

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์