'อนุทิน' นั่งบอร์ดอีวี ถกนัดแรก 20 พ.ย.68 'ชดเชย-เพิ่มใช้ชิ้นส่วนในประเทศ'

'อนุทิน' นั่งบอร์ดอีวี ถกนัดแรก 20 พ.ย.68 'ชดเชย-เพิ่มใช้ชิ้นส่วนในประเทศ'

"อนุทิน" นั่งประธานบอร์ดอีวี "ดึงกุลิศ-เบญจรงค์" เสริมทีม จับตาตั้งใครแทนวรภัค เร่งนัดวันประชุมเดือนนี้ เคาะมาตรการค้างเงื่อนไขชดเชย ดึงค่ายผลิตใช้ชิ้นส่วนไทยเพิ่ม ลุยเป้าไทยฐานผลิตอีวี 

รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ชุดใหม่ มี 18 ราย ซึ่งนายอนุทิน ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการด้วยตัวเอง มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นรองประธาน นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นกรรมการและเลขานุการ มีผู้ช่วยเลขานุการจาก 3 หน่วยงาน คือ ผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และอธิบดีกรมสรรพสามิต ซึ่งเป็นโครงสร้างคล้ายสมัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นประธานบอร์ดอีวีด้วยตัวเองเช่นกัน   

ส่วนกรรมการอื่นๆ ประกอบ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม , รมว.คมนาคม , รมว.อุตสาหกรรม, รมว.พลังงาน , ปลัดกระทรวงการคลัง , เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย , นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย , นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย , นายกุลิศ สมบัติศิริ , นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี และเดิมมีรายชื่อนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรมช.คลัง เป็นกรรมการ ซึ่งคำสั่งแต่งตั้งนี้ออกมาตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.68 เป็นวันเดียวกับที่นายวรภัค ประกาศลาออกจากรมช.คลัง ต้องดูว่า จะมีการแต่งตั้งใครมาแทนหรือไม่          

สำหรับการประชุมนัดแรก จะเริ่มในวันที่ 20 พ.ย.2568 นี้ เนื่องจากมีวาระเร่งด่วนที่ต้องพิจารณาหลายวาระ หนึ่งในวาระสำคัญ เช่น มาตรการเห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ปรับเงื่อนไขคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชยภายใต้มาตรการอีวี 3 และอีวี 3.5 จูงใจเอกชนผลิตเพื่อส่งออก จากที่ผ่านมาได้อนุมัติในบอร์ดชุด น.ส.แพทองธาร ไปแล้ว แต่นำเข้า ครม.ไม่ทัน โดยจะนำมาตรการดังกล่าวมาหารือในบอร์ดอีวีใหม่อีกครั้ง และนำเข้า ครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป เบื้องต้นไม่น่าจะเปลี่ยนอะไรมาก เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการหารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว

ทั้งนี้ มาตรการที่ให้กรมสรรพสามิตรปรับเงื่อนไขในการคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชย สาระสำคัญ เช่น ให้ผลิต 1 คัน นับเป็นการผลิตชดเชย 1.5 คัน สำหรับยานยนต์ที่ผลิต และส่งออกไปต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 68 ตามข้อเสนอของ ส.อ.ท.และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขยายตลาดส่งออก โดยคาดว่าจะทำให้จำนวน การส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณปีละ 12,500 คัน ในปี 68 และ 52,000 คัน ในปี 69 ขณะเดียวกันยังมีโจทย์สำคัญที่รอให้บอร์ดอีวีพิจารณา โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ผู้ผลิตรถอีวีที่ผลิตในประเทศ หันมาใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศ และให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และที่ผ่านมานายอนุทิน ได้ให้ความสำคัญกับยานยนต์ไฟฟ้า โดยประกาศไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยี รวมถึงแบตเตอรี่

อย่างไรก็ตาม หน้าที่บอร์ดอีวีใหม่ มีหน้าที่กำหนดทิศทาง และเป้าหมายในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า เพื่อการฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศ และส่งเสริมการจ้างงานในอุตสาหกรรมสีเขียว ตลอดจนยกระดับ คุณภาพชีวิตของประชาชน , พิจารณาแผนงาน และโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ , บูรณาการ และติดตามประเมินผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าตามแผนงาน และกรอบแนวทางที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้คำแนะนำ และข้อเสนอแนะในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้นโยบายการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อ ครม.

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์