“ฟิลิปปินส์”เปิดนำเข้า‘ข้าว 3 แสนตัน’ ‘เอฟเอโอ’ห่วงพบสัญญาณ‘เอลนีโญ’

ฟิลิปปินส์ กำหนดเปิดนำเข้าข้าว 3 แสนตัน ม.ค. 69 หลังสต๊อกลดจากแผนห้ามนำเข้าตั้งแต่ ก.ย. ที่ผ่านมา ด้านเวียดนาม โชว์ผลผลิตดียืนเป้าส่งออก 8 ล้านตัน ขณะเอฟเอโอ พบสัญญาณเอลนีโญปลายปี 68 คาดทำซัพพลายในอาเซียนลดลง
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า ผลผลิตข้าวนาปี2568/69 จะออกสู่ตลาดมากที่สุดช่วงเดือนพ.ย. 2568 ปริมาณรวม 17.375 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น 63.82% ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด
ไม่น่าแปลกใจที่ราคาข้าวในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างน่าเป็นห่วง ข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าวไทยระบุว่า ราคาข้าวเปลือกเจ้า
(ความชื้น15% ) จ.อยุธยา ราคา ล่าสุด ณ วันที่ 29 ต.ค. 2568 ตันละ 6,200-6,600บาท ลดลงจาก เดือนก่อนหน้า ราคา ณ วันที่ 29 ก.ย. 2568 ตันละ 6,300-6,700 บาท
ส่วนราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ 68/69 (ข้าวสด จ.อุบลราชธานี) ตันละ 11,200-11,600 บาท ราคายังไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากผลผลิตยังไม่ออกสู่ตลาดเต็มที่
แม้สถานการณ์ราคาข้าวในประเทศอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงเพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดซึ่งอาจทำให้ราคาลดลงอย่างน่าเป็นห่วง
ม.ค.69 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าว3แสนตัน
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ (Department of Agriculture: DA) เตรียมจะเปิดช่วงให้ นำเข้าข้าว (Rice Import Window) เป็นระยะเวลา 1 เดือนในเดือนม.ค. 2569 และจะกลับมาบังคับ ใช้มาตรการห้ามนำเข้าข้าวอีกครั้งตั้งแต่เดือนก.พ.-เม.ย. 2569 เพื่อพยุงราคาข้าวเปลือกในประเทศ
สำหรับแผนการนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์ กำหนดปริมาณ 300,000 ตัน เนื่องจากปริมาณสต็อกข้าวนำเข้าที่ระงับนำเข้าไปตั้งแต่เดือนก.ย. 2568 คาดว่าจะหมดลงภายในสิ้นเดือนพ.ย. 2568 และประเทศจะต้องพึ่งพาผลผลิตภายในประเทศเพียง อย่างเดียวในเดือนธ.ค. 2568
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้สั่งระงับการนำเข้าข้าวทั่วไป (regular milled rice) และข้าวขัดสีคุณภาพดี (well-milled rice) เป็นเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2568 เพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในประเทศ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 2 พ.ย. 2568 แต่ภายหลังรัฐบาลได้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี2568
เวียดนามยืนเป้าหมายส่งออกข้าว8ล้านตัน
สำหรับฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้มีการนำเข้าข้าวแล้ว ประมาณ 3.5 ล้านตัน ภายในสิ้นเดือนก.ย. 2568 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี2568 ถึง 800,000 ตัน ซึ่งฟิลิปปินส์ควรมีปริมาณนำเข้าอยู่ที่ 300,000 ตันต่อเดือน หรือ ประมาณ 3.6 ล้านตันต่อปี โดยฟิลิปปินส์จะยังคงพึ่งพาการนำเข้าจากเวียดนามและไทยเปนหลัก โดยเฉพาะข้าวขาว 25% และข้าวหอม 5%
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ตลาดจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (Agriculture and Rural Development Ministry: MARD) รายงานว่า การเก็บเกี่ยวข้าวฤดูใบไม้ร่วงในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วกว่า90% โดยผลผลิต รวมอยู่ในระดับดีแม้บางจังหวัดจะมีฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกข้าว ในปี 2568 ไว้ที่ 8 ล้านตัน ตามเดิม สำหรับราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนามอยู่ที่ตันละ 595 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,245 บาท) ซึ่งใกล้เคียงกับราคาข้าวไทย ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดภูมิภาคเอเชียยังคงมีความเข้มข้น โดยเฉพาะในตลาดฟิลิปปินส์และมาเลเซีย
“ราคาข้าวในตลาดโลกทรงตัวอยู่ที่ตันละ 590 – 620 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,083-20,054 บาท) เนื่องจากอุปทานจากประเทศผูผลิตหลักยังคงมีเสถียรภาพ และความต้องการนำเข้าจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization: FAO) ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ปรากฏการณ์ เอลนีโญ (El Niño) จะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี2568 อาจส่งผลให้ ปริมาณอุปทานข้าวทั่วโลกลดลงในช่วงต้นปี พ.ศ. 2569 โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
9 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกข้าวแล้ว5.7 ล้านตัน
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการส่งออกข้าวของไทย ก.ย. 2568 ปริมาณ 762,582 ตัน ลดลง 15.6% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ส่วนการส่งออกสะสม ม.ค. - ก.ย.2568 ปริมาณ 5,799,032 ตัน ลดลง 23.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยทั้งปี 2568 ไทยตั้งเป้าหมายส่งออกข้าวไว้ที่ 7.5 ล้านตัน







