‘คลัง’ คาดแนวโน้มค่าบาทปี 69 แข็งค่าอีก 3.2% ที่ 31.8 บาท/ดอลลาร์

สศค. คาดการณ์ค่าเงินบาท ปี 69 แข็งค่าต่อเนื่อง แตะ 31.8 บาทต่อดอลลาร์ จากดอลลาร์อ่อนค่า-เงินทุนไหลเข้า จับตา นโยบายเฟดกดดันระยะสั้น
นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสมมติฐานสำคัญสำหรับ การประมาณการเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อดอลลาร์และ ดัชนีค่าเงินบาท ซึ่งมีทิศทางแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และ 2569
สศค. คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ จะมีทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยในปี 2568 คาดว่าค่าเงินบาทจะเฉลี่ยอยู่ที่ 32.9 บาทต่อดอลลาร์ มีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 32.4 ถึง 33.4 บาทต่อดอลลาร์ การประมาณการนี้เป็นการปรับให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการประมาณการครั้งก่อนในเดือนก.ค.2568 และถือเป็นการแข็งค่าขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 6.8%
ขณะที่ในปี 2569 คาดว่า ค่าเงินบาทแข็งค่า ขึ้นต่อเนื่องไปอีก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 31.8 บาทต่อดอลลาร์ ช่วงคาดการณ์ 31.3– 32.3 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าขึ้นจากปี 2568 ที่ 3.2%
ทั้งนี้ ในปี 2568 คาดว่าดัชนีค่าเงินบาท (Nominal Effective Exchange Rate: NEER) เทียบกับคู่ค้าสำคัญ 15 ประเทศ เฉลี่ยจะอยู่ที่ 118.8 จุด ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.3%
ส่วนในปี 2569 คาดว่า ดัชนีค่าเงินบาท NEER จะอ่อนค่าลงเล็กน้อย เฉลี่ยอยู่ที่ 118.5 จุด หรืออ่อนค่าลง 0.3% เมื่อเทียบกับปี 2568
4 ปัจจัยหนุนบาทแข็งค่า
นายวโรทัย กล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนการแข็งค่าของเงินบาท เป็นผลมาจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่
1. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีทิศทางอ่อนค่าลง และคาดการณ์ว่าแนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐจะดำเนินต่อไปในปี 2569
2. ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงของเศรษฐกิจไทย
3. กระแสเงินทุนไหลเข้า สู่ตลาดพันธบัตรและตลาดทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2569 คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าจากการกลับมาถือครองสินทรัพย์ในไทยเพิ่มขึ้น
4. ราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุน
“ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของไทย โดยเฉพาะสถานะด้านการค้าต่างประเทศที่แข็งแรง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง และเงินทุนไหลเข้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม แม้ค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่า แต่ก็ยังคงเผชิญกับปัจจัยความไม่แน่นอนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่อง นโยบายการเงินสหรัฐ ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงมีความไม่แน่นอน หาก Fed ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจเป็นแรงหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าได้
นอกจากนี้ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย เนื่องจากความไม่แน่นอนจากประเด็นทาง ภูมิรัฐศาสตร์ และ สงครามการค้าโลก อาจส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายเกิดความผันผวน
รวมทั้งความผันผวนของราคาน้ำมัน ความผันผวนของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทย
รวมถึงแรงกดดันจากคู่ค้าหลัก โดยการอ่อนค่าเล็กน้อยของดัชนีค่าเงินบาทในปี 2569 มีแรงกดดันหลักมาจาก การแข็งค่าของสกุลเงินหลักบางประเทศ เช่น เงินเยน และ เงินยูโร ซึ่งมีน้ำหนักสูงในตะกร้าคู่ค้าของไทย
นอกจากนี้ภาวะ เศรษฐกิจโลก และ ทิศทางของค่าเงินบาทเอง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาสู่ประเทศไทย







