ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ร้องช่วยพยุงราคาดิ่ง ชี้ชะลอเพิ่มโควตานำเข้าพ่อ-แม่พันธุ์

ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ร้องกระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินมาตรการพยุงราคาไข่ไก่ หลังราคาหน้าฟาร์มปรับลดต่อเนื่องจนแตะระดับต้นทุนการผลิต เหลือเพียง 3.20 บาทต่อฟอง แนะชะลอเพิ่มโควตานำเข้าพ่อแม่พันธุ์ หวั่นซ้ำเติมวิกฤติราคาในอนาคต
นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่กลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ประกาศลดราคาหน้าฟาร์มไปแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากปัจจัยรอบหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โรงเรียนปิดเทอม เทศกาลกินเจ นักท่องเที่ยวลดลง และปัญหาความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งทำให้ความต้องการบริโภคไข่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผลผลิตยังออกสู่ตลาดตามปกติ
“ไข่ไก่เป็นสินค้าที่อ่อนไหว ราคาขึ้นกับปัจจัยหลายด้าน เช่น ฤดูกาล, ความร้อน, จำนวนแม่ไก่, ความต้องการ และกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ความสมดุลของอุปสงค์-อุปทานผันผวนง่าย จึงจำเป็นต้องมีมาตรการรักษาสมดุลอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาไข่ไก่อย่างยั่งยืน” นางพเยาว์ กล่าว
นางพเยาว์ กล่าวว่า ผลของราคาไข่ไก่ที่ลดลง ทำให้การปลดแม่ไก่ไข่ตามเกณฑ์ 80 สัปดาห์ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่ และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) กำหนดไว้เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาด ไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ เพราะราคาจำหน่ายแม่ไก่ปลดลงตามราคาไข่ จนเกษตรกรไม่ปลดออกจากระบบ ส่งผลให้มีแม่ไก่ยืนกรงเกินอายุจำนวนมาก และอาจนำไปสู่ “ภาวะไข่ล้นตลาด” หากไม่มีมาตรการรองรับ ประกอบกับการส่งออกแม่ไก่ปลดไปกัมพูชาชะงักจากปัญหาชายแดน ทำให้แม่ไก่ปลดจำนวนมากค้างอยู่ในประเทศ เพิ่มแรงกดดันต่อราคาภายในประเทศ
จากสถานการณ์ดังกล่าว เกษตรกรขอให้กระทรวงเกษตรฯ ในฐานะประธาน Egg Board พิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนขยายโควตานำเข้าพ่อ–แม่พันธุ์ไก่ไข่ (Parent Stock) ในปี 2569 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 440,000 ตัวต่อปี
นางพเยาว์ ย้ำว่าการเพิ่มโควตานำเข้าขณะที่ราคาตกต่ำเท่ากับเพิ่มแม่ไก่ในระบบ ยิ่งซ้ำเติมปัญหาราคาตกในปีหน้า และการบริหารโควตาต้องยึดภาวะตลาดจริงโดยคำนึงถึงสมดุลความต้องการ และการผลิต ที่สำคัญการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ควรมีมาตรการ Biosecurity เข้มงวด เพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ปีกที่อาจสร้างความเสียหายใหญ่ต่ออุตสาหกรรม
ผู้เลี้ยงไก่ไข่เริ่มวิตกกังวล หากราคาไข่ยังตกต่ำโดยไร้มาตรการช่วยเหลือ อาจต้องเลิกอาชีพ ซึ่งไม่เพียงกระทบเกษตรกร แต่ยังสั่นคลอน “ความมั่นคงทางอาหาร” ของประเทศ เพราะไข่ไก่คือ โปรตีนพื้นฐานที่คนไทยพึ่งพามากที่สุด
ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินนโยบาย และมาตรการสร้างความมั่นคงสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการบริหารอุปทานอย่างสมดุล เช่น ควบคุมการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ จัดประชุมขอความร่วมมือในการสร้างเสถียรภาพราคาไข่ ทำให้เกษตรกรอยู่ได้ ผู้บริโภคได้กินไข่มีคุณภาพ ราคาที่รับได้ รวมถึงส่งเสริมองค์ความรู้ และพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







