สรรหา ผอ.กองทุนน้ำมัน 'ล่ม' อีก 'พลังงาน' จ่อเปิดรับสมัครรอบ 4

สรรหา "ผอ.กองทุนน้ำมัน" เข้าสู่รอบ 4 เหตุ 3 รอบแรกไม่แต่งตั้งไม่ได้ ทั้ง "ขั้นตอนผิดพลาด-ไม่ผ่านเกณฑ์-เปลี่ยนรัฐบาล" ล่าสุดฐานะกองทุนล่าสุดติดลบกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
KEY
POINTS
- คณะอนุกรรมการสรรหาฯ เตรียมเปิดรับสมัครตำแหน่ง ผอ.สกนช. เป็นรอบที่ 4 หลังจากการสรรหา 3 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่ประสบผลสำเร็จ จากการสรรหารอบแรกมีปัญหาด้านขั้นตอนที่ไม่ถูกต้อง ส่วนรอบที่ 2 บอร์ดกบน. มีมติว่า "ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก"
- การสรรหารอบที่ 3 ได้เสนอชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก 2 รายให้ กบน. พิจารณา แต่กระบวนการต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่
- สาเหตุที่ต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่เป็นครั้งที่ 4 เนื่องจาก กบน. เห็นว่าการสรรหารอบที่ 3 มีการปรับลดคุณสมบัติผู้สมัคร ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อครหาได้
- สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 26 ต.ค. 2568 ยังคงติดลบ 13,740 ล้านบาท สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการหาผู้นำเพื่อบริหารจัดการกองทุน
สถานการณ์การสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้เว้นว่างมากว่า 1 ปี นับตั้งแต่นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ครบวาระผอ. สกนช. เมื่อ 16 ส.ค. 67 ถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญและเร่งด่วนอย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการ เสถียรภาพด้านพลังงาน และเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนการดำเนินงานของภาคธุรกิจ
"กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" เป็นกลไกหลักของภาครัฐในการ รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านพลังงาน การมีผู้อำนวยการ สกนช. ที่มีความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จึงเป็นสิ่งที่ ขาดไม่ได้ ในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการสรรหาตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ผอ.สกนช.) เตรียมเปิดรับสมัครตำแหน่ง ผอ.สกนช. รอบที่ 4 หลังการสรรหาในรอบที่ 3 ยังไม่สามารถเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาแต่งตั้งได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ กระบวนการสรรหาผอ.สกนช. ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่ต้องเปิดรับสมัครใหม่ หลังจาก 3 รอบก่อนหน้านี้ไม่ประสบผลสำเร็จ โดยครั้งแรกต้องยกเลิกเนื่องจากขั้นตอนการดำเนินการไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องเปิดรับสมัครใหม่ในครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้ผ่านคุณสมบัติและเข้ารับการแสดงวิสัยทัศน์ 2 ราย ได้แก่ พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร และนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.น 2568 ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน กบน. มีมติประกาศผลการคัดเลือกครั้งที่ 2 ว่า “ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก”
ต่อมา อนุกรรมการสรรหาฯ จึงเปิดรับสมัครอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 โดยกำหนดเงื่อนไขใหม่ว่า ผอ.สกนช. จะมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี และสามารถดำรงตำแหน่งได้ต่อเนื่องไม่เกิน 2 วาระ หากอายุยังไม่ถึง 65 ปีบริบูรณ์ โดยมีอัตราเงินเดือนประจำระหว่าง 100,000–200,000 บาทต่อเดือน พร้อมผลตอบแทนอื่นไม่เกิน 25% ของเงินเดือน
ทั้งนี้ การประกาศรับสมัครรอบที่ 3 ได้ขยายคุณสมบัติประสบการณ์การบริหารหน่วยงาน จากเดิมกำหนดคุณสมบัติเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับรองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร หรือเท่าเท่า แต่ประกาศใหม่ เพิ่มหลักเกณฑ์เปิดโอกาสให้กับผู้อำนวยการกอง / สำนัก ตำแหน่งอำนวยการระดับสูงขึ้นไป หรือระดับผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไปในรัฐวิสาหกิจ หรือระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไปในองค์กรมหาชน หรือหน่วยงานรัฐต่างๆ หรือเทียบเท่า โดยสาเหตุของการปรับเงื่อนไข เนื่องจากต้องการให้เงื่อนไขยืดหยุ่นกว่าเดิม
ในการสรรหารอบที่ 3 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 คณะอนุกรรมการสรรหาฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 5 ราย เพื่อเข้ารับการแสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 3 กันยายน 2568 ได้แก่
- พลโท ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธ์ อดีตรองเจ้ากรมการพลังงานทหาร
- นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สกนช.
- นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน
- นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน
- นางไพลิน ฟุ้งเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการเงินและบัญชี และรักษาการ ผอ.สกนช.
หลังจากนั้น อนุกรรมการสรรหาฯ ได้เสนอรายชื่อผู้ผ่านการสรรหา 2 รายต่อบอร์ด กบน. พิจารณา แต่เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องรอการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ เพื่อดำรงตำแหน่งประธาน กบน. และพิจารณาคุณสมบัติต่อไป
แหล่งข่าวระบุว่า กระบวนการสรรหาผอ.กองทุนน้ำมันฯ อาจต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในรอบที่ 4 เนื่องจากมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการปรับลดคุณสมบัติผู้สมัครในรอบก่อน ซึ่งอาจถูกมองว่าไม่เป็นธรรม กบน. จึงเห็นควรให้เปิดรับสมัครใหม่เพื่อความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน
สำหรับสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2568 พบว่ามียอดติดลบรวม 13,740 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันมีสถานะเป็นบวก 27,745 ล้านบาท ขณะที่บัญชี LPG ยังติดลบสูงถึง 41,485 ล้านบาท สะท้อนภาระการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มที่ยังคงกดดันฐานะกองทุนโดยรวมอยู่ในขณะนี้
บทบาทและความสำคัญ ผอ.สกนช.
"ผอ.สกนช." จะต้องเข้ามารับผิดชอบในบทบาทสำคัญและมีความท้าทายอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ ฐานะทางการเงินของกองทุน ยังคงติดลบจากการเข้าชดเชยราคาเชื้อเพลิงในช่วงที่ผ่านมา
โดยบทบาทที่สำคัญเร่งด่วนและจำเป็นต่อการบริหารจัดการได้แก่ 1. การบริหารจัดการเสถียรภาพราคาพลังงาน โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดูแลราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน
รวมถึง การจัดทำและนำเสนอแผนรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิง และแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)
2. การฟื้นฟูและบริหารจัดการฐานะการเงินกองทุน ทั้งการวางแผนเชิงรุกในการบริหารจัดการหนี้สินและภาระการชดเชยที่กองทุนต้องแบกรับ และการหาแนวทางและมาตรการในการกู้ยืมเงินตามกฎหมายเพื่อเสริมสภาพคล่อง และการบริหารสภาพคล่องให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
3. การประสานงานและขับเคลื่อนนโยบาย ถือเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกองทุนน้ำมันฯ
4. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน
ดังนั้น การแต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่โดยเร็วที่สุดจึงเป็น ความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมี ผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจเต็ม ในการตัดสินใจและดำเนินการตามภารกิจหลักได้อย่างต่อเนื่องและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันยังมีความผันผวนสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ







