‘คีรี’ ยันไม่ทิ้งเมืองการบินอู่ตะเภา รอ ‘EEC’ สรุปสิทธิประโยชน์เล็งโรดโชว์ดึงลงทุน

‘คีรี’ ยันไม่ทิ้งเมืองการบินอู่ตะเภา  รอ ‘EEC’ สรุปสิทธิประโยชน์เล็งโรดโชว์ดึงลงทุน

บีทีเอสยัน UTA เดินหน้าโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาต่อ แม้โครงการจะล่าช้าและอาจมีการปรับลดขนาดให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจสาเหตุที่โครงการยังไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เนื่องจากรอความชัดเจนจาก EEC ในเรื่องสิทธิประโยชน์การลงทุน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาษี หากสิทธิประโยชน์มีความชัดเจน กลุ่ม UTA เตรียมจัดโรดโชว์เพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยคาดว่าจะมีการลงทุนตามมาอีกกว่า 2 แสนล้านบาท

KEY

POINTS

  • บีทีเอสยัน UTA เดินหน้าโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาต่อ แม้โครงการจะล่าช้าและอาจมีการปรับลดขนาดให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
  • สาเหตุที่โครงการยังไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เนื่องจากรอความชัดเจนจาก EEC ในเรื่องสิทธิประโยชน์การลงทุน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาษี
  • หากสิทธิประโยชน์มีความชัดเจน กลุ่ม UTA เตรียมจัดโรดโชว์เพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยคาดว่าจะมีการลงทุนตามมาอีกกว่า 2 แสนล้านบาท
  • UTA จะสรุปความคืบหน้าและทิศทางของโครงการอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้

วานนี้ (30 ต.ค.) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในตอนหนึ่งของการแถลงข่าว เรื่องหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าสำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่เป็นหนึ่งในโครงการที่บีทีเอสถือหุ้นในบริษัทอู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 3 บริษัท ได้แก่บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้นเป็นโครงการที่ผู้ถือหุ้นตกลงกันว่าจะเป็นโครงการที่เดินหน้าต่อแม้ว่าจะมีการลดขนาดโครงการลงให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

ทั้งนี้ โครงการจะมีความล่าช้ามาอย่างมากหลังจากมีการประมูลโครงการมาเมื่อ 5 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถเดินหน้าก่อสร้างได้ตามแผนได้ เพราะว่ายังติดเงื่อนไขทั้งเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการที่เกี่ยวข้องเช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และยังไม่มีความชัดเจนจึงยังไม่ได้มีการออกหนังสือให้เริ่มงาน (NTP: Notice to Proceed) ได้เนื่องจากยังไม่ชัดเจนเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประมูลได้รับด้วย

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเร่งรัดให้มีการสรุปเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งต้องมีความชัดเจนว่าในโครงการจะมีอะไรบ้างเพื่อให้เราสามรถให้รายละเอียดกับนักลงทุนที่เราจะดึงเข้ามาสร้างเมืองการบินในพื้นที่นี้ได้ เช่น เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน อาคารผู้โดยสารที่รองรับผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ต้องมีความชัดเจน เพราะว่าใรการทำเมืองการบินนั้นประเทศไทยต้องเทียบเคียงกับประเทศอื่นๆในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เวียดนาม หรือจีน โดยผลตอบแทนการลงทุนที่ มีภาคเอกชนรับรู้ตัวเลขผลตอบแทนทางการลงทุน (IRR) ที่ 10.2%

ซึ่งหากมีความชัดเจนในส่วนนี้เชื่อว่าจะมีการลงทุนตามมาอีกกว่า 2 แสนล้านบาท จึงควรมีการสร้างความชัดเจนในส่วนนี้เพื่อให้สามารถออกไปโรดโชว์ดึงการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ภาคเอกชนพร้อมที่จะทำงานกับ EEC อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เมืองการบินภาคตะวันออกเกิดขึ้นได้จริงเพราะพื้นที่นี้เราไม่ได้พูดถึงแค่ 6,500 ไร่ของสนามบินอู่ตะเภาเท่านั้นแต่พูดถึงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีกนับแสนไร่ในบริเวณรอบๆ

“เราในฐานะที่อยู่ใน UTA ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 บริษัทยังมั่นใจว่าโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาจะเกิดขึ้นได้ โดยเรากำลังทำงานให้ดีที่สุดร่วมกับ EEC ซึ่งในเดือน ธ.ค.นี้ต้องมาสรุปรายละเอียดต่างๆว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แล้วจะแจ้งให้สื่อและสาธารณะทราบถึงทิศทางของโครงการนี้ ”นายคีรีกล่าว