‘พิพัฒน์’ จ่อเสนอ ครม. ทำแพ็กเกจ ‘รถไฟฟ้าเหมาจ่าย’ 40 บาท

“พิพัฒน์” เตรียมเสนอ ครม. 18 พ.ย.68 นี้ เดินหน้าลดค่าครองชีพประชาชน เปิดแนวคิดใหม่ “เหมาจ่ายรายวัน” เดินทางรถไฟฟ้าสายสีแดง–สีม่วง เริ่ม 1 ธ.ค.68 นี้ พร้อมลุยศึกษาแนวทางซื้อคืนรถไฟฟ้า คาดได้ข้อสรุปใน 90 วัน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ครั้งที่ 1/2568 วันนี้ (29 ต.ค.68) โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางลดค่าครองชีพการเดินทางรถไฟฟ้า โดยจะจัดทำแพ็กเกจ “รถไฟฟ้าเหมาจ่าย” 40 บาท สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง
โดยแพ็กเกจดังกล่าวจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่เกิน 18 พ.ย.68 นี้ เพื่อให้มีผลใช้ต่อเนื่องจากมาตรการเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย.2568 ทำให้แพ็กเกจเหมาจ่ายรายวัน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2568 – 30 พ.ย.2569 ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน แบ่งเป็น
- บุคคลทั่วไป เดินทางไม่จำกัดเที่ยวในวันเดียวเพียง 40 บาท/วัน
- นักเรียน–นักศึกษา จ่ายเพียง 30 บาท/วัน
- ผู้สูงอายุ ครึ่งราคา / ผู้พิการ และเด็ก ฟรี
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้วงเงินในบัตร 750 บาท/เดือน ได้ตามสิทธิ
ทั้งนี้ บัตรเหมาจ่ายดังกล่าวจะใช้ได้ทั้ง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง ครอบคลุมเฉพาะผู้โดยสารที่แตะจ่ายด้วยบัตรโดยสารระบบ EMV Contactless / MRT EMV / Mangmoom EMV โดยสามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองสายได้อย่างไร้รอยต่อ และสามารถเดินทางเข้าออกกี่ครั้งก็เหมาจ่ายในราคาเดียว 40 บาท ช่วยให้ผู้โดยสารที่ต้องเดินทางหลายเที่ยวต่อวันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน และคุ้มค่ามากขึ้น
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม หรือ “Single Ownership” ซึ่งพบว่าแนวทางที่เหมาะสมหากต้องมีหน่วยงานบริหารรถไฟฟ้าเพียงรายเดียว ก็ควรเป็นการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งจะสามารถบริหารนโยบาย ค่าโดยสาร และระบบตั๋วร่วมของประเทศ เพื่อให้ทุกโครงการรถไฟฟ้าอยู่ภายใต้นโยบายเดียวกัน
โดยแนวคิด Single Ownership สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริการจัดการระบบตั๋วร่วม (Common Ticket Act) ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนประกาศใช้ ซึ่งเมื่อมีผลบังคับแล้วจะกลไกหลักในการกำหนดระบบค่าโดยสารร่วม (Common Fare) หรือตั๋วร่วม ทำให้การเดินทางของประชาชนสามารถเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าอย่างสะดวกด้วยบัตรใบเดียว และไม่มีค่าแรกเข้า
อย่างไรก็ดี การดำเนินการรูปแบบ Single Ownership จำเป็นต้องมีการนำโครงการรถไฟฟ้าทั้งหมดกลับมาเป็นของรัฐ เพื่อให้ รฟม.เป็นผู้บริหารจัดการต่อ ดังนั้นต้องหารือกับเอกชนผู้บริหารรถไฟฟ้าทั้ง 2 ราย คือ BTS และ BEM เพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า และอาจจ้างให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดเก็บรายได้ส่งรัฐ เนื่องจากเอกชนเป็นผู้ทำธุรกิจนี้ที่เข้าใจการบริหารเป็นอย่างดี
“เมื่อมีแนวทางจะซื้อคืนรถไฟฟ้ากลับมาเป็นของรัฐ ก็ต้องขอให้กระทรวงการคลังศึกษาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดหาแหล่งเงินมาซื้อคืนรถไฟฟ้า ซึ่งเรื่องนี้ต้องหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม จึงจำเป็นต้องจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อศึกษาแนวทางนี้ร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีให้เร่งรัดเรื่องนี้ จึงมีกรอบดำเนินงานจะได้ข้อสรุป ความชัดเจนที่เหมาะสมใน 90 วัน ภายใต้รัฐบาลนี้จะต้องได้แนวทาง มีโมเดลที่เหมาะสมเสนอเข้า ครม.”
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อรถไฟฟ้าทุกเส้นทางกลับมาเป็นของรัฐ ก็จะทำให้สามารถกำหนดค่าโดยสารที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนจะนำโมเดลแพ็กเกจ เหมาจ่ายราคา 40 บาท มาใช้กับทุกโครงการรถไฟฟ้าหรือไม่ คงต้องรอดูความสำเร็จ และการตอบรับจากประชาชนในการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีแดงที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อน เพราะหากประชาชนตอบรับมาใช้บริการมากขึ้น ก็จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ลดลง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







