'พิพัฒน์' โชว์ศักยภาพไทยพร้อมเป็น Aviation Hub เร่งฟื้น MRO อู่ตะเภา

“พิพัฒน์” โชว์ศักยภาพไทยพร้อมเป็น Aviation Hub แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จี้ “การบินไทย” กางแผนขยายรูทหลังจัดหาเครื่องบินเพิ่ม 80 ลำ พร้อมฟื้นธุรกิจ MRO อู่ตะเภา
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถาวิสัยทัศน์และบทบาทของประเทศไทยสู่การเป็น Aviation Hub แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในงาน “Skyconomy: Thailand’s Runways to Aviation Hub” โดยระบุว่า ไทยมีจุดยุทธศาสตร์เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ที่ตั้งลักษณะภูมิศาสตร์ได้เปรียบหลายประเทศ เป็นศูนย์กลางอาเซียน และเป็นประตูสู่อินโดจีน ลาว กัมพูชา พม่า หรือเวียดนาม
นอกจากนี้ การจะเดินทางให้สมดุล ไม่ว่าเดินทางจากตะวันออกกลาง ซึ่งเป็น Aviation Hub เชื่อมต่อไปยุโรป หรือหากจะไปอเมริกาก็จะต้องแวะที่ญี่ปุ่น แต่ทั้งหมดนี้ไทยเป็นศูนย์กลางของการเดินทาง ดังนั้นวันนี้ไทยพร้อมหรือยัง วันนี้จะเป็นฮับผู้โดยสารหรือคาร์โก้
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันไทยยังได้รับการันตีด้านความปลอดภัยจากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FAA (Federal Aviation Administration) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รวมทั้งสายการบิน United Airlines ยังกลับมาเดินทางเข้าไทยในรอบหลายปี สะท้อนได้ถึงมาตรฐานด้านการบินของไทย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้รับการโหวตเป็นอันดับ 3 สนามบินที่พัฒนาได้ดีที่สุดของโลก (World's Most Improved Airports) ประจำปี 2025 จากการประกาศผลของ Skytrax
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า สายการบินไทยวันนี้ยังได้รับการฟื้นฟูจากโควิด จากบริษัทที่เป็นหนี้ วันนี้บางสายการบินโดยเฉพาะการบินไทยกลับมาทำกำไรได้ และที่สำคัญยังมีการสั่งซื้อเครื่องบิน 80 ลำจากบริษัทโบอิง สะท้อนว่าวันนี้ไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาคนี้ แต่การจะก้าวเข้าสู่จุดนั้น สนามบินมีความพร้อมแค่ไหน รองรับการโหลดสินค้า การดูแลผู้โดยสาร และการเชื่อมต่อเครื่องบินไปภูมิภาคต่างๆ มีความพร้อมแค่ไหน
โดยประเด็นเหล่านี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เตรียมความพร้อม ขณะเดียวกันบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ก็ต้องเตรียมความพร้อม เพื่อให้ขีดความสามารถของไทยไปสู่เป้าหมาย Aviation Hub ของภูมิภาค
“Aviation Hub ในยุคของผม ผมไม่มีความรู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องวิศวะ แต่ผมผ่านภาคธุรกิจมาก่อน สามารถปรับตัวและเอาไปใช้ในสิ่งต่างๆ ต่อยอดและคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ต้องต่อยอด นี่คือ Visionในปัจจุบันของกระทรวงคมนาคมยุคนี้ จะต่อยอดอย่างไรให้ไทยเป็นฮับรองรับสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาไทย”
นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญของการเป็น Aviation Hub จะต้องมีการสร้างศูนย์ซ่อมในไทย เพราะเรากำลังมีการขยายการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน กำลังขยายสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งแอร์บัสเคยบอกจะมาสร้างศูนย์ซ่อม แต่ตอนนี้ไม่มาแล้ว ก็เป็นโอกาสที่เราจะไปสร้างส่วนนี้ เพื่อรองรับเครื่องบินที่จะเข้ามาในไทย ถ้าไม่มีศูนย์ซ่อม ก็เชื่อว่า Aviation Hub อาจจะเป็นไม่ได้ 100% ดังนั้นวันนี้ไทยพร้อมแล้วขาดเพียงศูนย์ซ่อม”
ทั้งนี้ การผลักดัน Aviation Hub เป็นเรื่องที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่โจทย์ตอนนี้คือทำอย่างไร เมื่อมีคนเดินทางมาแล้วจะเชื่อมต่อการเดินทางไปอย่างไร เชื่อมต่อการเดินทางไปยังโหมดอื่นๆ ของคมนาคม อย่างไฮสปีด 3 สนามบิน ซึ่งเรื่องนี้คงต้องคุยกันกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อทำให้ได้ข้อสรุปมากที่สุด
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ไทยไปสู่ Aviation Hub ต้องฝากผู้บริหารของการบินไทย พิจารณาเพิ่มช่องทางการบิน ขยายเส้นทาง ถือเป็นเรื่องที่ 1 ที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะตอนนี้การบินไทยกำลังซื้อเครื่องบินถึง 80 ลำ และเรื่องที่ 2 คือ ทอท.หรือสนามบินในไทย จะต้องหาทางอย่างไรให้สายการบินเหล่านี้บินเข้ามา กระจายสายการบินจากสนามบินแออัดไปยังสนามบินที่ไม่แออัด เช่น เชียงใหม่ หรือกระบี่







