สงครามชิงแร่หายากระอุ! ‘นักวิชาการ’ เตือนไทยอย่าผูกขาดกับสหรัฐ

สงครามชิงแร่หายากระอุ! ‘นักวิชาการ’ เตือนไทยอย่าผูกขาดกับสหรัฐ

สงครามชิงแร่หายากปะทุ “สหรัฐ-จีน” ชิงผู้นำซัพพลายเชน หวั่นจีนครองการผลิตแร่หายาก 70% ของโลก จับตาหลายประเทศเริ่มไล่กวดจีน “นักวิชาการ” ชี้ สหรัฐทำข้อตกลงแร่หายากกับไทย หลังจีนแบนส่งออกกระทบหลายอุตสาหกรรม

KEY

POINTS

  • สงครามชิงแร่หายากปะทุ “สหรัฐ-จีน” ชิงผู้นำซัพพลายเชน หวั่นจีนครองการผลิตแร่หายาก 70% ของโลก 
  • จับตาหลายประเทศเริ่มไล่กวดจีน ลดการผูกขาดแร่หายาก
  • “นักวิชาการ” ชี้ สหรัฐทำข้อตกลงแร่หายากกับไทย หลังจีนแบนส่งออกกระทบหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมทหารความมั่นคง
  • แนะไทยลงนามแค่ระดับข้อตกลง อย่าทำสัญญาผูกมัดการส่งออกแร่ให้สหรัฐ หวั่นถูกใช้เป็นกลไกบีบภาษีในอนาคต 

ข้อตกลงแรร์เอิร์ธที่ไทยลงนามกับสหรัฐที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2568 ทำให้เกิดคำถามถึงความขัดแย้งเรื่องแร่ธาตุหายากระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งกำลังดึงกลายประเทศเข้าสู่วงโคจรความขัดแย้งของสงครามแร่หายาก

ปัจจุบันจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากรายใหญ่ของโลก โดยในปี 2567 จีนผลิต 270,000 ตัน รองลงมาเป็นสหรัฐ 45,000 ตัน, เมียนมา 31,000 ตัน, ออสเตรเลีย 13,000 ตัน และไทย 13,000 ตัน

เมื่อต้นเดือนต.ค.2568 กระทรวงพาณิชย์จีนออกประกาศฉบับที่ 62 ประจำปี 2568 ที่ไม่ใช่แค่หนังสือราชการธรรมดา แต่เป็นการสั่นคลอนการสงบศึกการค้าที่เปราะบางเต็มทีของสหรัฐกับจีน

เว็บไซต์บีบีซีรายงานว่า คำประกาศดังกล่าวระบุถึงการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก (แรร์เอิร์ธ) รอบใหม่ เท่ากับว่ารัฐบาลปักกิ่งควบคุมซัพพลายแร่ธาตุหายากของโลกให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ทั้งยังเตือนใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐให้ทราบว่า ในสงครามการค้าครั้งนี้จีนถือไพ่เหนือกว่ามากแค่ไหน

จีนนั้นแทบจะผูกขาดการแปรรูปแร่ธาตุหายากเลยก็ว่าได้ ภายใต้ระเบียบใหม่กำหนดว่าบริษัทต่างชาติที่จะส่งออกแรร์เอิร์ธแม้เพียงปริมาณน้อยนิดก็ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีน และต้องแสดงเจตนารมณ์ของการนำไปใช้

ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 100% และควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ

“จีนกำลังปะทะกับโลก พวกเขาเล็งบาซูกาไปยังซัพพลายเชน และพื้นฐานอุตสาหกรรมของโลกเสรีทั้งหมด และเราจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น” นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าว

สงครามชิงแร่หายากระอุ! ‘นักวิชาการ’ เตือนไทยอย่าผูกขาดกับสหรัฐ

ต่อมาจีนชี้แจงว่าสหรัฐ “จงใจยั่วยุให้เกิดความเข้าใจผิด และความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็น” เกี่ยวกับข้อจำกัดด้านแร่ธาตุหายาก

แร่ธาตุหายาก (แรร์เอิร์ธ) ใช้ในยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ทันสมัย แผงพลังงานแสงอาทิตย์ กังหันลม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไอโฟน และอาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งแต่ขีปนาวุธนำวิถีไปจนถึงเรือดำน้ำ ขณะนี้จีนแทบจะเป็นผู้ผูกขาดตลาดแร่ธาตุสำคัญของโลก

จีนครองแร่หายาก 70% ของโลก

เดอะการ์เดียน รายงานว่า จีนเป็นผู้ควบคุมอุปทานแรร์เอิร์ธโลก ทำเหมืองแรร์เอิร์ธราว 70% ของทั้งโลก และแปรรูปราว 90% ชาติตะวันตกยอมรับสถานการณ์นี้มายาวนาน พวกเขาเต็มใจซื้อผลผลิตราคาถูกจากจีนโดยไม่ต้องขุด และถลุงเอง แต่เมื่อเร็วๆ นี้จีนควบคุมแรร์เอิร์ธมากขึ้นสะท้อนเจตจำนงต้องการใช้ความเหนือกว่าเป็นอาวุธทำสงครามการค้า ส่งผลให้นักการเมืองในกรุงวอชิงตันต้องจับตา โดยเฉพาะเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีทั่วโลกในวันปลดแอก 2 เม.ย.

ตอนที่จีนระงับส่งออกแรร์เอิร์ธในเดือนมิ.ย. บริษัทฟอร์ดถึงกับต้องหยุดสายการผลิตในชิคาโก ล่าสุดจีนจำกัดการส่งออกแม่เหล็กแรร์เอิร์ธที่อุตสาหกรรมอาวุธสหรัฐใช้งานมาก

ลุค ยีแมน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารซีบีเอในออสเตรเลีย กล่าวกับเดอะการ์เดียนว่า ความจริงทางภูมิรัฐศาสตร์ในวันนี้ทำให้สหรัฐ ออสเตรเลีย และหลายๆ ประเทศต้องเข้าไปจัดการทลายความเป็นเจ้าตลาดแร่ธาตุสำคัญของจีน

หลังโควิดระบาด รัสเซียรุกรานยูเครน และจีนควบคุมตลาดโลกมากขึ้น ยีแมน กล่าวว่า นานาประเทศตระหนักว่าไม่สามารถพึ่งพาอุปทานทั้งหมดจากที่เดียวได้อีกต่อไป โดยเฉพาะจากจีน นั่นหมายความว่ามีเหตุผลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนการสร้างอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายากในประเทศของตนเอง

“ตลาดกระจุกตัวกันมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัดขาดการแข่งขัน และไม่มีการกระจายความเสี่ยงที่เพียงพอ” ยีแมน กล่าว

จับตาหลายประเทศเริ่มไล่กวดจีน

อย่างที่กล่าวไปบ่อยครั้งว่า แร่ธาตุหายากไม่ได้หายากจริง สภาพทางธรณีวิทยาเป็นตัวบ่งบอก แต่ไม่มีประเทศใดลงทุนนำทรัพยากรเหล่านี้มาใช้หนักเท่ากับจีน

ซูซาน พาร์ค อาจารย์ด้านธรรมาภิบาลโลก มหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธของจีนครอบงำอุปทานโลกจนเป็นที่อิจฉาของโลกตะวันตกในแง่ขีดความสามารถการผลิต ไม่ใช่ด้านสิ่งแวดล้อม สหรัฐเคยลงทุนในแรร์เอิร์ธ ช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 แต่ไม่มากนัก อุตสาหกรรมนี้จึงถูกทอดทิ้ง

ส่วนจีนเริ่มลงทุนในแรร์เอิร์ธอย่างหนักช่วงต้นทศวรรษ 90 ยุทธศาสตร์นี้ไม่ใช่แค่การขุดเจาะแต่ยังขยายไปถึงการถลุงด้วย ซึ่งตอนนั้นเหมาะสมกับประเทศตะวันตก

“เพราะส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก หลายประเทศจึงยินดีปล่อยให้จีนทำไป จีนเลยบอกในหลายครั้งว่า เราทำถูก เราช่วยลดคาร์บอน ช่วยแบกรับต้นทุนสิ่งแวดล้อม แต่จีนกลับเจอเสียงวิจารณ์ตามมา” พาร์ค กล่าว

เมื่อวันอาทิตย์ (26 ต.ค.68)  นายเบสเซนต์ เปิดเผยว่า สหรัฐ และจีนได้บรรลุกรอบข้อตกลงสำหรับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.68) ที่ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญ ทั้งการค้า แร่หายาก สารเฟนทานิล ติ๊กต็อก (TikTok) สินค้าเกษตร และความสัมพันธ์ทวิภาคี

นักวิชาการชี้สหรัฐกังวลแหล่งแร่

สำหรับกรณีที่ไทย และสหรัฐได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) เพื่อสร้างความหลากหลายในห่วงโซ่อุปทานแร่หายากของโลก และส่งเสริมการลงทุน เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2568

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ และการเมือง เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันสหรัฐหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องของการจัดหาแหล่งวัตถุดิบแร่หายาก (rare earth) เป็นอย่างมาก โดยถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ จีนมีการประกาศมาตรการ การควบคุมการส่งออกแร่หายากอย่างเข้มงวด โดยมาตรการมีความเข้มงวดมากขึ้นเป็นลำดับ และต้องรายงานการส่งออกแร่หายากแม้มีปริมาณน้อยก็ต้องมีการรายงานให้รัฐบาลรับทราบ

มาตรการนี้ทำให้สหรัฐเริ่มมีความตื่นตัวมากขึ้นว่ามีความจำเป็นต้องหาแหล่งวัตถุดิบสำหรับแร่หายากที่สหรัฐสามารถบริหารจัดการได้ เพราะในปัจจุบันจีนครอบครองแหล่งวัตถุดิบแร่หายากถึงประมาณ 80 - 85% ของปริมาณสำรองแร่หายากทั่วทั้งโลก 

ดังนั้นเมื่อจีนหันมาใช้การกีดกันทางการค้าในภาวะสงครามการค้าที่ดำเนินอยู่ โดยใช้แร่หายากมาเป็นเครื่องมือเพิ่มเติมจากมาตรการภาษี จะทำให้กระทบต่อสหรัฐหลายด้าน เนื่องจากแร่หายากเป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรมทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี ยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มหาอำนาจทั้งสหรัฐ และจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

สหรัฐทยอยทำข้อตกลงกับหลายชาติ

นายสมชาย กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของสหรัฐใช้ในเรื่องแร่หายากนั้นคือ การทำข้อตกลงกับหลายประเทศที่มีปริมาณสำรอง หรือมีศักยภาพแร่หายาก ซึ่งที่ผ่านมาเร็วๆ นี้มีการทำข้อตกลงกับประเทศออสเตรเลีย 

แต่ก่อนหน้านี้มีการทำข้อตกลงกับบางประเทศ เช่น ประเทศยูเครน โดยลักษณะของข้อตกลงที่ทำกับแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน โดยส่วนที่มีการทำกับยูเครนนั้นสหรัฐทำข้อตกลงในลักษณะบังคับว่ายูเครนต้องมีการขายแร่หายากที่พบให้กับสหรัฐเท่านั้น

เตือนไทยอย่าทำสัญญาผูกขาดกับสหรัฐ

ส่วนที่ทำกับประเทศไทยนั้นยังเป็นลักษณะของการทำ MOU ซึ่งยังไม่ได้มีผลผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งก็ต้องดูว่าในระยะต่อไปภายหลังจากที่มีข้อตกลงนี้แล้วสหรัฐจะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมแร่หากยากในประเทศไทยมากแค่ไหน รวมทั้งจะถูกเชื่อมโยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้า และข้อตกลงทางภาษีระหว่างไทย และสหรัฐหรือไม่

แต่สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไทยควรตั้งรับ คือ ต้องไม่ให้ลักษณะข้อตกลงหรือสัญญาที่ไทยจะทำกับสหรัฐในระยะต่อไปเป็นสัญญาที่มีข้อกำหนดผูกขาดว่าจะให้ไทยเราต้องขายแร่หายากให้กับสหรัฐเพียงประเทศเดียว เพราะหากทำข้อตกลงในลักษณะนั้นเท่ากับประเทศไทยจะเปิดทางให้สหรัฐเข้ามาทำสัญญาผูกขาด 

ทั้งนี้ จะส่งผลกระทบให้มหาอำนาจอีกฝ่าย ซึ่งก็คือ ประเทศจีนเกิดความไม่พอใจในเรื่องนี้ได้เช่นกัน และอาจมีมาตรการตอบโต้ประเทศไทยได้ในอนาคต

“ยุทธศาสตร์ของสหรัฐในตอนนี้มีการกระจายการทำข้อตกลงเรื่องแร่หายากกับหลายประเทศเพราะถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ โดยในส่วนของประเทศไทยนั้นข้อตกลงที่ทำในตอนนี้ยังเป็นแค่ MOU แต่เชื่อว่าในระยะต่อไป หากมีการสำรวจพบปริมาณแร่หายากเพิ่มขึ้น สหรัฐก็จะเข้ามาทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับประเทศไทยเพิ่มเติม" นายสมชาย กล่าว

รวมทั้งสิ่งที่ต้องระวังคือ การทำสัญญาในลักษณะผูกขาด หรือผูกมัด เพราะการเปิดโอกาสให้มหาอำนาจเข้ามาทำสัญญาในรูปแบบนี้จะส่งผลเสียกับประเทศไทยมากกว่า ดังนั้นจึงต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง และชั่งน้ำหนักข้อเสนอต่างๆ กับผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์