พาณิชย์ ยันกรอบความตกลงการค้าไทย-สหรัฐ ไม่ส่งผลกระทบส่งออกไทย

สนค. เผย ประเมินกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนไทย-สหรัฐ ยังไม่มีผลต่อการส่งออกไทย ชี้ มาจากความชัดเจนไทยถูกเก็บภาษี 19 % ตลาดสหรัฐฟื้นตัวดีจากความต้องการสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และ กำลังซื้อกลับมาจากผลการลดดอกเบี้ย
นายนันทพงศ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา (Joint Statement on Framework for United States–Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ว่า คาดว่ายังไม่มีผลต่อการส่งออกของไทยในปีนี้เนื่องจาก การส่งออกไปตลาดสหรัฐยังไปได้ดีในโดยในเดือนก.ย. มีอัตราเติบโตถึง 35.3 % เนื่องจากความต้องการซื้อสินค้าในสหรัฐเพิ่มขึ้นจากนโยบายลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้กำลังซื้อในสหรัฐฟื้นกลับมา เนื่องจาก สหรัฐเป็นตลาดใหญ่ของการบริโภคในโลก จึงทำให้ การค้าโลกฟื้นตัวดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ขณะนี้ เป็น วัฎจักรขาขึ้นของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง รัฐบาลสหรัฐเห็น ความสำคัญของสินค้ากลุ่มนี้ทำให้อัตราภาษีนำเข้าไม่ได้สูงมาก และ เด็กรุ่นใหม่มีความต้องการใช้มากขึ้นทั้งโทรศัพท์มือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น จึงไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทย ในขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังตลาดสหรัฐมีน้อย เพราะ การส่งออกสินค้าเกษตรไทยตลาดหลักคือ จีน
“ผลกระทบจาก Reciprocal tariff ต่อการส่งออกไทย มีไม่มาก และยังมีความชัดเจน เรื่องอัตราภาษีนำเข้าที่ 19 % ของไทยทำให้ผู้ประกอบการคลายความกังวล และอัตรานี้ ทำให้ไทยแข่งขันกับคู่แข่งในภูมิภาคนี้ได้ “นายนันทพงศ์ กล่าว
สำหรับการส่งออกไปตลาดสหรัฐเดือน ก.ย. มีอัตราเติบโต 35.3%มีมูลค่า 6,793 ล้านดอลลาร์ โดยไทยเกินดุล 5,228 ล้านดอลลาร์ ส่วน 9 เดือนแรก มีมูลค่า52,176 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28.6 % ไทยเกินดุลการค้า 36,443 ล้านดอลลาร์
ในขณะที่การส่งออกไปจีนเดือนก.ย. 2,952 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.2 % โดยไทยขาดดุล 6,479 ล้านดอลลาร์ สำหรับ 9 เดือนแรก ไทยส่งออกไปจีนมีมูลค่า30,667 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16.1 % ไทยขาดดุล 47,303 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของไทยและสหรัฐฯ ที่จะเดินหน้าเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างกัน โดยความตกลงดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว โดยตั้งเป้าหมายที่จะสรุปผลการเจรจาภายในปลายปีนี้
โดยกรอบการเจรจาที่จะพูดคุยหารือกับสหรัฐฯ ครอบคลุมประเด็นในด้านต่างๆ ที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านภาษี มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี การค้าบริการ การลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล กฎถิ่นกำเนิดสินค้าและการป้องกันการหลบเลี่ยงอากร โอกาสในการจัดซื้อเชิงพาณิชย์ รวมไปถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจร่วมกัน
ในส่วนของไทย ทีมเจรจามุ่งมั่นที่จะดำเนินการเจรจาอย่างรอบคอบในทุกมิติ ทั้งด้านมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศ ข้อมูลทางการค้า ผลกระทบต่อภาคการผลิต การส่งออก การลงทุน และการจ้างงาน รวมไปถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ในปี 2567 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน มีมูลค่าการค้ารวม 74,484.81 ล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการส่งออก 54,956.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์และอุปกรณ์ และสหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 4 ของไทย รองจากจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ด้วยมูลค่าการนำเข้า 19,528.61 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ก๊าซธรรมชาติ และเครื่องบิน







