การนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักร | ค้าๆขายๆกฎหมายธุรกิจ

ปี 2496 มีการตราพระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่9) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 95 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2475 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2495
และมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ.2482 ห้ามมิให้นำสินค้าตามบัญชีต่อท้าย 35 รายการเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
สินค้าตามบัญชีต่อท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว รายการที่ 1 คือ อาหารทุกชนิด รวมทั้งอาหารสัตว์ ซึ่งรวมถึงข้าว ทั้งข้าวจ้าว ข้าวเหนียวและข้าวเปลือก ตลอดจนข้าวอนามัยหรือข้าวที่ปรุงแต่งแล้ว อันรวมถึงผลิตภัณฑ์ของดังกล่าวด้วย
ปี 2505 กระทรวงเศรษฐการออกประกาศ เรื่องการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่28) พ.ศ.2505 ลงวันที่ 28 มี.ค. กำหนดให้สินค้าตามบัญชีท้ายประกาศรวม 75 รายการเป็นสินค้าที่ต้องได้รับหนังสืออนุญาตให้นำเข้าตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น ส่วนสินค้าอื่นผ่อนผันให้นำเข้าโดยไม่ต้องมีหนังสืออนุญาต สินค้าข้าวไม่อยู่ในบัญชีท้ายประกาศ จึงนำเข้าได้โดยไม่ต้องมีหนังสืออนุญาต
ปี 2514 กระทรวงเศรษฐการออกประกาศ เรื่องการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่61) พ.ศ.2514 ลงวันที่ 4 พ.ค.ยกเลิกการผ่อนผันการนำข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวเปลือก ตลอดจนข้าวอนามัยหรือข้าวที่ปรุงแต่งแล้วรวมทั้งผลิตภัณฑ์ของข้าวดังกล่าว
เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ต้องมีหนังสืออนุญาตเสีย ดังนั้น การนำข้าวฯ จึงต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ปี 2535 กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายให้การนำเข้าเป็นไปโดยเสรีมากขึ้น ควบคุมการนำเข้าเฉพาะสินค้าเท่าที่จำเป็น จึงออกประกาศกระทรวง ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 88) พ.ศ.2535 ให้ยกเลิกการกำหนดให้สินค้าเป็นสินค้าที่ต้องได้รับอนุญาตในการนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์และพระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง
ซึ่งควบคุมการนำเข้าสินค้าที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายประกาศฉบับนี้ที่มีอยู่ก่อนวันประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับเสียทั้งสิ้น รวมทั้งหมด 31 รายการ รายการลำดับที่ 1 คือข้าวที่ปรุงแต่งแล้วและผลิตภัณฑ์จากข้าว ทำให้สามารถนำเข้าได้โดยเสรี แต่ข้าวอื่นคือข้าวจ้าว ข้าวเหนียวและข้าวเปลือกยังต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ได้รับมอบหมาย จึงจะนำเข้าได้
วันที่ 1 ม.ค.2538 จัดตั้งองค์การการค้าโลกขึ้น ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2538 เป็นสมาชิกลำดับที่ 59 มีสถานะเป็นสมาชิกก่อตั้ง จึงเป็นภาคีสมาชิกของความตกลงหลักขององค์การการค้าโลก และความตกลงเฉพาะสาขาแนบท้ายในภาคผนวกอีกหลายฉบับ
รวมทั้งความตกลงว่าด้วยการเกษตรด้วย ประเทศไทยจึงมีความผูกพันที่ต้องเปิดตลาดสินค้าการเกษตร โดยยกเลิกการจำกัดการนำเข้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่ใช้ภาษี มาใช้มาตรการภาษีแทน
คือ สินค้าเกษตรที่ประเทศไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ได้อาศัยกฎหมายควบคุมการนำเข้าส่งออก กำหนดให้เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้า หรือต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษหรือมาตรการอื่นใด และประเทศไทยต้องเปิดตลาดให้นำเข้าโดยใช้มาตรการภาษีแทน มีจำนวน 22 รายการ
เพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศ 2 ฉบับ และแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้นในเวลาต่อมาโดยยกเลิกประกาศเดิมสองฉบับนั้นเสีย และออกประกาศฉบับใหม่ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 111) พ.ศ.2539 ลงวันที่ 26 ม.ค. ที่ยังใช้บังคับจนถึงปัจจุบัน
ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ (ฉบับที่ 111) ดังกล่าวข้างต้น กำหนดให้สินค้าเกษตรตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ที่มีถิ่นกำเนิดและส่งมาจากประเทศสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) หรือภาคีแกตต์ 1947 เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้ WTO
ที่ออกโดยกรมการค้าต่างประเทศหรือหน่วยงานอื่นที่กระทรวงพาณิชย์มอบหมายไปแสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้า
สินค้าที่มีหนังสือรับรองฯ ดังกล่าว ได้รับการยกเว้นไม่อยู่ในข่ายต้องขอรับใบอนุญาตในการนำเข้าหรือต้องชำระค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นใดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า ยกเว้นสินค้าข้าวโพดที่ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำเข้า
ในขณะที่ลาวและกัมพูชายังไม่ได้เป็นสมาชิก WTO (ลาวเป็นสมาชิกวันที่ 2 ก.พ.2556 กัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกวันที่ 13 ต.ค.2547) ประเทศไทยได้ให้สิทธิ์แก่ลาวและกัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 115) พ.ศ.2539 แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ (ฉบับที่111)
สำหรับการนำเข้าสินค้าเกษตรตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงดังกล่าว ที่มีแหล่งกำเนิดและส่งมาจากประเทศลาวและกัมพูชา เสมือนเป็นสมาชิก WTO ตามกรอบความร่วมมือของอาเซียนในการช่วยเหลือยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม CLMV ที่จะเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของอาเซียนให้ทันกับกลุ่มประเทศสมาชิกเดิม
การนำข้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
สินค้าเกษตรที่ประเทศไทยต้องเปิดตลาดให้นำเข้ามาตามพันธกรณี WTO รวมทั้งจากประเทศลาวและกัมพูชานั้น มีข้าวตามพิกัดอัตราศุลกากร ประเภทที่ 1006 ด้วย แต่ผู้นำเข้าต้องขอหนังสือรับรองแสดงการได้สิทธิชำระภาษีตามพันธกรณี WTO จากกรมการค้าต่างประเทศแสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากรประกอบการนำเข้า จึงได้รับการยกเว้นให้นำเข้าได้โดยไม่ต้องขอรับใบอนุญาตให้นำเข้า
หากไม่ได้รับหรือไม่มีหนังสือรับรองดังกล่าว การนำเข้าข้าวยังคงต้องขอรับใบอนุญาต ซึ่งตามหลักการจะไม่อนุญาตให้นำเข้า
ดังนั้น ข้าวที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ต้องมีหนังสือรับรองการได้รับสิทธิชำระภาษีในโควตาอัตรา 30% นอกโควตา 52% แสดงต่อเจ้าพนักงานศุลกากรและทำพิธีการศุลกากร พร้อมชำระภาษีศุลกากรดังกล่าวและนำเข้าทางด่านศุลกากรที่ถูกต้อง
การนำเข้าข้าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้าวไม่ว่าเป็นข้าวจ้าว ข้าวเหนียวหรือข้าวเปลือกที่นำเข้ามาโดยไม่มีหนังสือรับรองดังกล่าว ไม่ผ่านพิธีการศุลกากรไม่ชำระภาษีนำเข้า เป็นการนำเข้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า และกฎหมายว่าด้วยการค้าข้าวของกระทรวงพาณิชย์ด้วย







