เก็บตกจากงาน GovernorConnect เพิ่มโอกาสคนตัวเล็ก-ดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ

คุณวิทัย รัตนากร พบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนครั้งแรกในฐานะ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ เมื่อ 10 ต.ค.2568 ในงาน “GovernorConnect” โดยย้ำถึงภารกิจหลักของแบงก์ชาติคือ การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค
ทั้ง (1) เงินเฟ้อต่ำแต่มีเสถียรภาพ (2) ระบบการเงินเข้มแข็ง และ (3) ระบบการชำระเงินมีประสิทธิภาพ แต่มีอีกเรื่องที่ให้ความสำคัญมากเช่นกัน คือ มาตรการเฉพาะจุด เพื่อช่วยเหลือประชาชน
ในการทำงาน แม้แบงก์ชาติมีความเป็นอิสระในการใช้เครื่องมือ แต่ยินดีทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อประสานนโยบายร่วมกัน ในการประคับประคองเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างสมดุลและมุ่งสู่ศักยภาพ
มาตรการเฉพาะจุด เปรียบเสมือนการต่อจิ๊กซอว์ เพื่อบรรลุภาพใหญ่
ผู้ว่าฯ เน้นว่า “แบงก์ชาติทำหน้าที่โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก ด้วยการรักษาเสถียรภาพ และจะมีมาตรการเฉพาะจุดเพิ่มเติม เพื่อเสริมนโยบายการเงินในภาพใหญ่ เช่น การแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไก AMC การช่วยให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้นและการทำให้ต้นทุนของบริการทางการเงินเหมาะสม”
1.การแก้หนี้ แบงก์ชาติได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนการแก้ปัญหาหนี้ NPL รายเล็กโดยใช้ AMC (บริษัทบริหารสินทรัพย์) ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง (คลัง) และสถาบันการเงิน (สง.) ซึ่งจะเร่งทำโดยอาจใช้กลไกที่มีอยู่ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
เพื่อป้องกันปัญหา Moral Hazard ผู้ว่าฯ กล่าวว่า “จะมี cut-off date” ซึ่งตรงกับที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพื่อป้องกันมิให้มีกรณีก่อหนี้เสียใหม่เพื่อจะเข้าโครงการ โดยมาตรการ AMC นี้ จะเน้นช่วยลูกหนี้รายย่อย NPL ที่มีหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทให้ผ่อนปรนลง เพื่อจะปลดหนี้ได้ คาดเบื้องต้นราว 2 ล้านคน
2.การเข้าถึงสินเชื่อ อีกปัญหาหนึ่งของคนตัวเล็กคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ปัจจุบัน มี SMEs ราว 40% ยังประสบปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ สง. จากหลายปัจจัย เช่น ไม่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกันได้รายได้ที่ไม่แน่นอน และประวัติข้อมูลทางการเงินที่ไม่เพียงพอ จนบางส่วนจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบแทน ทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่สูง
ผู้ว่าฯ กล่าวถึง การสานต่อมาตรการที่แบงก์ชาติเริ่มไว้ ทั้งโครงการ “Your Data” ที่รองผู้ว่าการ ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส เป็นหลัก จะทำให้ข้อมูลการอนุมัติสินเชื่อรายย่อยดีขึ้นมาก เรื่อง “Virtual Bank” ที่จะทำให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
ส่วนเรื่อง “NaCGA (สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ)” ที่ยังเป็นแนวคิดอยู่ในระยะเริ่มต้น ก็ต้องนำมาปรับให้เห็นพ้องตรงกัน ซึ่งจะช่วยคนตัวเล็กมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ รวมทั้งจะเร่งโครงการ Risk-based pricing (การคิดดอกเบี้ยที่แตกต่างกันตามความเสี่ยง) ด้วยเช่นกัน
3.การให้ความรู้ทางการเงิน ทั้งการออมและการใช้เงินเป็น การให้ความรู้ทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก แบงก์ชาติจะร่วมกับหน่วยงานอื่น ทั้งส่งเสริมการออมตั้งแต่เด็ก การออมเพื่อการเกษียณ รองรับสังคมสูงวัยและการให้ความรู้เรื่องการใช้เงินด้วย
เพราะความสะดวกสบายของออนไลน์ ทำให้อาจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น “ไม่ใช่ ของมันต้องมี แต่ควรซื้อเมื่อจำเป็น” จึงต้องจับตาการช้อปปิงออนไลน์ โดยเฉพาะ Buy Now Pay Later (บริการชำระเงินแบบซื้อก่อนจ่ายทีหลัง) ว่าควรเข้าไปดูแลอย่างไร เพราะสุดท้ายต้องทำให้วินัยของคนไทยดีขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือ มาตรการเฉพาะจุดทั้งการแก้หนี้ผ่าน AMC การเพิ่มโอกาสคนตัวเล็กเข้าสู่ระบบสินเชื่อ (Financial inclusion) ทำให้ต้นทุนการใช้บริการทางการเงินเหมาะสมมากขึ้น และการให้ความรู้ทางการเงิน (Financial literacy) โดยแบงก์ชาติจะร่วมกันทำกับหน่วยงานอื่น เพื่อคลายปัญหาด้วยมาตรการต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ วิทัย กล่าวว่า “การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นเรื่องไม่จริงที่จะสามารถกดปุ่มทันทีแล้วจบ แต่ต้องอาศัยการร่วมกันต่อจิ๊กซอว์มาตรการต่างๆ ให้ช่วยคนได้มาก”
ประเด็น เงินเฟ้อ เงินฝืด?
ด้านเงินเฟ้อ หากดูที่ core inflation (อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่เอาพลังงานและอาหารสดออก) ทั้งปีนี้และปีหน้า คาดไว้ที่ 0.9% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลง เพราะราคาพลังงานและอาหาร ซึ่ง 2 หมวดนี้มีน้ำหนักมาก โดยจะทยอยปรับสู่เป้าหมายระยะปานกลาง
ส่วนเรื่องเงินฝืดนั้น ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง core inflation ต้องติดลบลงไปลึกๆ หรือ มีการลดลงของราคาสินค้าในวงกว้าง ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่เห็นกรณีดังกล่าว
รายงานนโยบายการเงินที่เผยแพร่ 22 ต.ค.2568 ขยายความเรื่องนี้ไว้ว่า (1) สัดส่วนจำนวนสินค้าราว 60% ยังมีราคาทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในอดีต (2) การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะปานกลางของสาธารณชนยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย
(3) แม้เศรษฐกิจไทยชะลอลง แต่ยังไม่ถึงขั้นถดถอยรุนแรง เช่นที่เกิดภาวะเงินฝืดในหลายประเทศ ช่วง Great Depression และ Lost Decade ในญี่ปุ่น เพราะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์แตกและเศรษฐกิจหดตัวรุนแรง
(4) เงินเฟ้อไทยโน้มลดลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างด้านพลังงานและอาหาร โดยต้นทุนพลังงานและขนส่งลดลง จากพัฒนาการทางเทคโนโลยีของโลกที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กอปรกับ ไทยมี food security ทำให้รับผลกระทบจากการเร่งตัวของราคาอาหารโลกน้อยกว่าประเทศอื่น
และ (5) ราคาสินค้านำเข้าที่ต่ำ เพราะจีนเร่งส่งออกสินค้าส่วนเกินจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐมายังภูมิภาครวมถึงไทย ทำให้ผู้ผลิตไทยเผชิญการแข่งขันสูงและมีข้อจำกัดในการปรับขึ้นราคาสินค้า
ผู้ว่าฯ ยังได้ตอบคำถามถึงผลของการลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา รวม 1% ว่า ยังใช้เวลาส่งผล และแม้ Policy space มีจำกัด แต่พร้อมผ่อนคลายหากจำเป็น และมาตรการเฉพาะจุดต่างๆ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจและบรรเทาภาระของรายย่อย
ที่สำคัญคือ การทำงานของแบงก์ชาติที่ต้องใกล้ชิดประชาชนและสังคมมากขึ้น และในการทำนโยบายต้องตอบให้ได้ว่า ประชาชนได้อะไร ประเทศได้อะไร เพราะปลายทางคือการออกนโยบายที่ช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนได้และเศรษฐกิจโดยรวมมีเสถียรภาพ
บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด







