'สุชัชวีร์' เปิด 3 ทางรอด 'สร้างคน-แก้ภัยพิบัติ–ขจัดทุนเทา' ฟื้นประเทศ

“ดร.สุชัชวีร์” เปิดวิสัยทัศน์ 3 ทางรอดประเทศ ย้ำต้อง “สร้างคน” ฟื้นเศรษฐกิจไทย เร่งปฏิรูปการศึกษา "แก้ภัยพิบัติ-ขจัดทุนผูกขาด"
ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวในงาน "BITKUB SUMMIT 2025 powered by Tencent Cloud" ภายใต้แนวคิด “Gateway to the Future: เปิดประตูการลงทุน สุขภาพ และเทคโนโลยี สู่โลกอนาคต” จัดโดย บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในหัวข้อ “THAILAND GAME CHANGER 2026: ความหวัง? เศรษฐกิจ สังคม ประชาชน ประเทศไทย”
โดย ดร.สุชัชวีร์ กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำมาก และหากไม่เร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ประเทศจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างถาวร พร้อมเสนอแนวทางสำคัญที่รัฐบาลต้องดำเนินการเร่งด่วน 3 ประการ ได้แก่
1. สร้างคน คือภารกิจแรกและสำคัญที่สุด ต้องยอมรับว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในภาวะน่ากังวล โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วทั่วโลก ขณะที่คนไทยจำนวนมากยังตามไม่ทัน ปัจจัยชี้ขาดจึงอยู่ที่ “ระบบการศึกษา” ซึ่งหากรัฐบาลไม่บริหารจัดการอย่างจริงจัง ไทยจะไม่มีทางสู้ประเทศอื่นได้เลย เพราะการพัฒนาคนอย่างมีคุณภาพ จะสร้างเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ และเพิ่มรายได้ให้ประเทศได้
2. จัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาภัยพิบัติ ประเทศไทยอาจถึง “จุดจบทางเศรษฐกิจ” เพราะทุกวันนี้เกิดน้ำท่วมทั่วทุกภูมิภาค และอีกไม่นานกรุงเทพฯ ก็อาจเผชิญปัญหาเดียวกัน หาก “กระดูกสันหลังของประเทศ” ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม จะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี การเติบโตย่อมไม่เกิดขึ้น ดังนั้น รัฐต้องแก้ภัยพิบัติให้ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
3. ขจัดทุนผูกขาดและทุนสีเทา ประเทศไทยกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นจากข่าวด้านลบ โดยเฉพาะเรื่องทุนสีเทาและการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ ขณะที่ทุนเล็กและเอสเอ็มอีไม่สามารถแข่งขันได้ จึงจำเป็นต้อง “เขียนกติกาใหม่” เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นธรรม พร้อมส่งเสริมคนตัวเล็กให้เติบโตได้จริง
ย้ำ! "การศึกษา" หัวใจของเศรษฐกิจ
ดร.สุชัชวีร์ กล่าวย้ำว่า การศึกษาและเศรษฐกิจเป็นเรื่องเดียวกัน ปัญหาหลักที่นักลงทุนต่างชาติไม่เลือกลงทุนในไทย เพราะ “ไม่มีคนให้เขาใช้” ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ เวียดนาม และมาเลเซีย มีแรงงานที่มีทักษะตรงกับอุตสาหกรรมใหม่มากกว่า
ทั้งนี้ พรรคไทยก้าวใหม่จึงให้ความสำคัญกับการปฏิรูปภาคการศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การจัดการศึกษา “ทันโลก” ทั้งการยกระดับโรงเรียนให้มีความพร้อม การผลักดันสายอาชีวะให้เป็นที่นิยมมากขึ้น และการสร้างระบบฝึกงานที่ตอบโจทย์จริง โดยตั้งเป้าว่า “เด็กอาชีวะเรียนจบภายใน 3 ปีก็สามารถมีงานทำ หรือเพียงปีแรกของการฝึกงานก็ได้งานทำแล้ว” ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคมไทย
นอกจากนี้ พรรคยังมุ่งยกระดับผลิตภาพแรงงานไทย (Productivity) ที่ยังต่ำในทุกอุตสาหกรรม ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อช่วย SME ไทยให้สามารถผลิตและขายสินค้าได้ดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น และสร้างรายได้สูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ
ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้อง “ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ” เพื่อเพิ่มรายได้และเปิดโอกาสให้คนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาเสริมทักษะให้แรงงานไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ เช่น บล็อกเชน (Blockchain) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดปัญหาทุนสีเทา–คอร์รัปชัน
ผสาน AI พัฒนาศักยภาพคนไทย
นอกจากนี้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเป็น “เครื่องมือเปลี่ยนเกม” ที่ช่วยยกระดับชีวิตคนไทยใน 2 มิติหลัก คือ 1. การยกระดับรายบุคคล เช่น การใช้ AI เพื่อช่วยครูวิเคราะห์ว่านักเรียนแต่ละคนเก่งด้านใด และควรเสริมจุดแข็งอย่างไร รวมถึงการช่วยภาคอุตสาหกรรมระบุว่าต้องเสริมศักยภาพด้านใดเพิ่มเติม
2. ความแม่นยำของข้อมูลและการตรวจสอบ แม้ AI ยังไม่สามารถแทนมนุษย์ได้ 100% เช่น ในงานผ่าตัดทางการแพทย์ แต่สามารถใช้เพื่อ “ตรวจสอบความโปร่งใส” ได้ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ ที่มักมีราคาสินค้าบางรายการแตกต่างกันมาก AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อชี้ว่ารายการใดราคาสูงเกินจริง หรือมีความผิดปกติ
“วันนี้เราได้แต่ใช้ AI แต่เราไม่สร้าง ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งสร้างบุคลากรสายเทคโนโลยีโดยเฉพาะวิศวกร เพราะปัจจุบันไทยผลิตวิศวกรใหม่ได้เพียงปีละไม่ถึง 300 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการยกระดับประเทศ โดยหากเราไม่สร้างคน เราจะไม่มีวันแข่งได้”
สังคมสูงวัยกับ “กองทุนซิลเวอร์อีเวนต์ฟัน”
ดร.สุชัชวีร์ กล่าวถึงโครงสร้างประชากรไทยว่า “เรากำลังเข้าสู่ปิรามิดหัวกลับ” ซึ่งหมายความว่าคนไทยเกิดน้อยลงและเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างรวดเร็ว จนยากจะมีนโยบายใดที่ทำให้คนอยากมีลูกมากขึ้นได้ แต่หากประเทศไทยต้องอยู่รอดในสภาวะนี้ คนรุ่นใหม่ที่เกิดใหม่ต้องมีคุณภาพสูงสุด เพื่อแบกรับภาระสังคมสูงวัยไว้ได้
ทั้งนี้ อยากเสนอว่า รัฐบาลควรสนับสนุนให้เด็กไทยเรียนมากขึ้น และเรียนอย่างมีคุณภาพ เพื่อเป็น “เดอะแบก” ของประเทศในอนาคต ขณะเดียวกันผู้สูงอายุในยุคนี้จำนวนมากยังมีศักยภาพสูง จึงควรได้รับการสนับสนุนให้กลับมามีบทบาททางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ในการจัดตั้ง “กองทุนซิลเวอร์อีเวนต์ฟัน (Silver Event Fund)” จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถเริ่มต้นธุรกิจหรือสตาร์ทอัพของตนเองได้ โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเครือข่ายที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรสร้างแรงจูงใจให้เอกชนจ้างงานผู้สูงอายุ และจัดอบรมเพิ่มทักษะให้กับกลุ่มวัยเกษียณ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้
“ประเทศไทยจะไม่มีอนาคตเลย หากคนไทยไม่มีทักษะที่สูงขึ้น โดยพรรคไทยก้าวใหม่จะเป็นพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วย “นโยบายสร้างคน” เพื่อยกระดับคุณภาพคนไทยให้สามารถแข่งขันในโลกอนาคตได้อย่างแท้จริง"







