10 สมาคมเหล็ก ค้าน 'ซินเคอหยวน' เปิดโรงงาน หวั่นกระทบเศรษฐกิจภาพรวม

10 สมาคมเหล็ก ยื่นหนังสือถึง "กระทรวงอุตสาหกรรม" ค้านไม่ให้ "ซินเคอหยวน" เปิดโรงงาน sky หวั่นกระทบเศรษฐกิจภาพรวม เสี่ยงต่อชีวิต และทรัพย์สิน
รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ (24 ตุลาคม 2568) 10 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย ประกอบด้วย สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า, สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน, สมาคมการค้าผู้ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี, สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะ และแปรรูปเหล็กแผ่น, สมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย, สมาคมเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย, สมาคมพัฒนาสเตนเลสไทย, สมาคมชุบสังกะสีไทย, สมาคมหลังคาเหล็กไทย และสมาคมโลหะไทย ได้ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการพิจารณาอนุญาตการประกอบกิจการของผู้ผลิตเหล็กเส้นที่ถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการเข้าตรวจสอบโรงงานผู้ผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต โดยกระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่า มีการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขาดมาตรฐานในการจัดการด้านความปลอดภัยและการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งในขณะนี้โรงงานผู้ผลิตจำนวนหนึ่งยังคงถูกคำสั่งของของกระทรวงอุตสาหกรรมให้ปิดโรงงานชั่วคราว โดยล่าสุดทราบว่าโรงงานที่ถูกสั่งปิดดังกล่าว กำลังพยายามขออนุญาตกระทรวงอุตสาหกรรมมาเปิดดำเนินการใหม่อีกครั้ง
ซึ่งในเรื่องนี้กลุ่ม 10 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย มีความห่วงใยเป็นอย่างมากว่า หากมีการอนุญาตให้โรงงานเหล่านี้กลับมาผลิตสินค้าด้วยการปฏิบัติแบบเดิม ก็จะมีสินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตไม่ได้มาตรฐานกระจายออกสู่ตลาดอีกครั้ง ซึ่งจะกลับไปสร้างความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ผลิตสินค้าที่เป็นไปตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ จากข้อมูลการเข้าตรวจสอบโรงงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ผ่านมา พบว่า โรงงานที่ถูกระงับการประกอบกิจการดังกล่าว ใช้กระบวนการหลอมด้วยเตา Induction Furnace (IF) ซึ่งข้อจำกัดของเตาหลอมประเภทนี้ คือ ไม่มีระบบออกซิเดชัน (Oxidation) และการสร้างสแลก (slag) สำหรับกำจัดหรือดูดซับสารมลทิน เช่น ฟอสฟอรัส กำมะถัน และสิ่งเจือปนที่มากับเศษเหล็ก เช่น โบรอน เป็นต้น
ทำให้ควบคุณคุณสมบัติทางเคมีตลอดจนปริมาณของสารมลทิน และสิ่งเจือปนได้ยาก จึงต้องมีกระบวนการคัดเลือกเศษเหล็กที่ใช้เป็นวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และเตรียมเศษเหล็กที่สะอาด และต้องมีการเติมส่วนผสมทางเคมีด้วยธาตุต่างๆ ลงไปในกระบวนการหลอมอย่างแม่นยำ และจะต้องมีกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำเหล็กด้วยเตาปรุงน้ำเหล็ก (Ladle Furnace) แต่ปรากฏว่าโรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่มีเตาปรุงน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์ (Ladle Furnace)
กล่าวคือ มีเพียง 2 โรงงานเท่านั้นที่มีเตาปรุงแต่มิได้มีการใช้งานในการผลิตอย่างสม่ำเสมอแต่อย่างใด สิ่งที่เป็นประจักษ์พยาน อีกอย่างหนึ่งคือ การตก มอก. ที่ผ่านมาของบางโรงงาน ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการไม่สามารถควบคุมส่วนผสมทางเคมี เช่น ค่าโบรอนให้เป็นไปตาม มอก.ได้
ดังนั้น กลุ่ม 10 สมาคม จึงใคร่ขอเรียนเสนอกระทรวงอุตสาหกรรม ได้โปรดพิจารณาให้โรงงานที่ถูกสั่งปิดดังกล่าวที่จะขอกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ มอก. เหล็กเส้นเสริมคอนกรีตอย่างเคร่งครัดครบถ้วน โดยเฉพาะข้อกำหนดด้านวัสดุการทำ และส่วนประกอบทางเคมี ที่กำหนดใน มอก. 20-2559 และ มอก. 24-2559 ข้อ 5.2 ข้อ 5.5. โดยมีรายละเอียด ดังนี้
5.2 การทำเหล็กแท่งเล็ก หรือเหล็กแท่งใหญ่ ที่ใช้ทำเหล็กข้ออ้อย ต้องมีขั้นตอนกรรมวิธีการทำ และการควบคุมเป็นส่วนประกอบหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) มีระบบคัดแยก ตรวจสอบประเมินคุณภาพเศษเหล็ก (scrap) โดยมีการตรวจสอบควบคุมปริมาณของธาตุฟอสฟอรัส และกำมะถันที่เจือปนอย่างเข้มงวด
(2) มีการตรวจสอบคุณภาพส่วนประกอบทางเคมีของน้ำเหล็กในทุกขั้นตอนของกระบวนการทำเหล็กกล้า (steel making) โดยใช้เครื่องมือตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
(3) มีกระบวนการทำนำเหล็กให้บริสุทธิ์ (refining process) อย่างเหมาะสม เช่น มีเตาปรุง (ladle furnace) พร้อมการลดฟอสฟอรัส และการลดกำมะถันรวมทั้งปรับแต่งค่าส่วนประกอบทางเคมี ขจัดสารฝั่งใน (inlusion) ได้อย่างเหมาะสม
(4) การหล่อเหล็กแท่งเล็ก หรือ เหล็กแท่งใหญ่ ต้องเป็นการหล่อแบบต่อเนื่อง (continuous casting) ที่มีอัตราการหล่ออย่างน้อย 10,000 kg/hr และมีการควบคุมอัตราการเย็นตัว (cooling rate) ที่เหมาะสม มีขนาดของเตาหลอมไม่ต่ำกว่า 5,000 kg ต่อ 1 เตา และมีความถี่ในการทดสอบส่วนประกอบทางเคมีที่เหมาะสม
5.3 โรงงานที่ทำเหล็กแท่งเล็ก หรือ เหล็กแท่งใหญ่ และเหล็กข้ออ้อย ต้องมีมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี
5.4 เหล็กแท่งเล็ก หรือ เหล็กแท่งใหญ่ ที่ใช้ทำเหล็กข้ออ้อย อย่างน้อยต้องมีการตรวจสอบในรายการขนาด ลักษณะทั่วไป และส่วนประกอบทางเคมีที่เหมาะสม
5.5 เหล็กข้ออ้อยต้องเป็นเหล็กกล้าไม่เจือ เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้งานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต และสาธารณชนว่า สินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ผลิตในประเทศไทย มีการปฏิบัติตาม มอก.อย่างครบถ้วน ซึ่งการกำหนดมาตรฐานคุณภาพเหล็กเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จึงขอเรียนเสนอให้มีการบูรณาการการทำงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในการตรวจสอบกระบวนการตามข้อกำหนดของ มอก. เพื่อตรวจสอบให้มีการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดใน มอก. 20-2559 และ มอก. 24-2559 ข้อ 5.2-5.5 ดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องยืนยันว่ามีเตาปรุง Ladle Furnace ที่ใช้งานกับการผลิตทุก heat และเปิดเผยผลการตรวจสอบ และแผนการกำกับดูแลการผลิตต่อสังคมอย่างโปร่งใส ก่อนที่จะอนุญาตให้ประกอบกิจการ
รายงานข่าว ระบุว่า วันนี้ (24 ต.ค.2568) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ชี้แจงกรณีสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ถอนอายัดเหล็ก ของบริษัท “ซินเคอหยวน” ว่า ประเด็นที่มีฝ่ายการเมืองบางกลุ่มนำไปบิดเบือนว่าเป็นการดำเนินการในช่วงที่ตนเข้ารับตำแหน่งนั้น ไม่เป็นความจริง
โดยการถอนอายัดเกิดขึ้นก่อนผมเข้ารับตำแหน่ง ประการแรกที่ต้องเรียนย้ำ และทำความเข้าใจอย่างชัดเจน คือ การถอนอายัดเหล็กบางส่วนเกิดขึ้นในห้วงเวลาของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ผมยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเป็นทางการ วันที่มีการถอนอายัดส่วนแรก เป็นการคืนเหล็กที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน จำนวน 16,950 เส้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2568
ทั้งนี้ ตนได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในวันที่ 19 ก.ย.2568 และเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนในวันที่ 24 ก.ย.2568 ดังนั้น การตัดสินใจหรือการดำเนินการใดๆ ก่อนวันที่ 19 ก.ย.2568 จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม ผมจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งการในเรื่องนี้แต่อย่างใด
สำหรับกรณีนี้ เหล็กที่ถอนอายัด เป็นเหล็กจากเหตุการณ์ระเบิด และเพลิงไหม้ภายในโรงงาน เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2567 ไม่ใช่เหล็กกรณีตึก สตง. ถล่ม ขอเน้นย้ำว่า สาเหตุการอายัดเหล็กทั้งหมดของ บริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด เป็นการเข้าเก็บตัวอย่างในวันที่ 19 ธ.ค.2567 โดยเหล็กที่ตรวจสอบแล้วไม่ผ่านมาตรฐานยังคงถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
"ยืนยันว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมสั่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในทุกภาคส่วน ซึ่งหากซินเคอหยวน หรือโรงงานอื่น ดำเนินการกฎระเบียบกระทรวงก็พร้อมเปิดให้ดำเนินการตามปกติ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมสมัยนั้น ระบุว่ากรณีของผู้ผลิตเหล็กจีน "ซินเคอหยวน" ถือเป็นกรณีที่รมต.อุตสาหกรรม สามารถปิดได้ทันที เพราะทุกโรงงานเป็นเตา IF
ดังนั้น โรงงานของซินเคอหยวนมีทั้งที่โดนสั่งปิดไปแล้ว และยังไม่เปิดกิจการจะไม่สามารถเปิดได้ เพราะเป็นโรงงานประเภทเตาหลอมแบบ IF ดังนั้น โรงงานเหล็กที่ใช้เตาหลอมแบบ IF ก็จะไม่สามารถปิดได้อีกต่อไป ถือว่าถอนรากถอนโคนเตา IF ทั้งหมด เพราะถ้ามาตรฐานอุตสาหกรรมมีการยกเลิกเตา IF และ กมอ. มีมติยกเลิกเตา IF ก็ปิดสวิตช์ทั้งหมดเลย และอาจจะมีโอกาสที่ไม่สามารถเปิดโรงงานหรือกิจการอื่นๆ ที่ประเทศไทยอีกต่อไป ซึ่งตอนนี้ก็ได้ข่าวว่ามีโรงงานที่ใช้เตา IF กำลังจะย้ายฐานออกไปหมดแล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







