เปิดผลกระทบ 'การบินไทย' หลังพลาดเช่า 'เครื่องบินใหม่' ปีนี้

บอร์ดการบินไทยตีกลับแผนเช่าเครื่องบิน 8-10 ลำ เนื่องจากกังวลเรื่องความจำเป็นและเทคโนโลยีของเครื่องบินที่อาจไม่ทันสมัย ทำให้ต้องจ้างที่ปรึกษามาศึกษาเพิ่มเติม
KEY
POINTS
- บอร์ดการบินไทยตีกลับแผนเช่าเครื่องบิน 8-10 ลำ เนื่องจากกังวลเรื่องความจำเป็นและเทคโนโลยีของเครื่องบินที่อาจไม่ทันสมัย ทำให้ต้องจ้างที่ปรึกษามาศึกษาเพิ่มเติม
- ฝ่ายบริหารหวั่นส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การขายตั๋วแบบ Network และการสร้างไทยเป็นฮับการบิน เพราะจะเกิดความไม่สมดุลระหว่างเครื่องบินลำตัวกว้างและลำตัวแคบในฝูงบิน
- ชี้ในปี 2569 จะมีเครื่องบินลำตัวกว้างทยอยปลดระวาง 10 ลำ หากไม่มีเครื่องใหม่มาทดแทน จะทำให้ขีดความสามารถในการให้บริการ (Capacity) และรายได้ของบริษัทลดลง
ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ตีกลับข้อเสนอของฝ่ายบริหาร ในการพิจารณาจัดหาเช่าเครื่องบินจำนวน 8 – 10 ลำ โดยบอร์ดมีข้อเสนอให้กลับไปทำการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับความจำเป็นของการจัดหาเครื่องบิน รวมไปถึงการคัดเลือกรุ่นเครื่องบินที่จะมาใช้งาน ซึ่งตอนนี้หากจะเช่าเครื่องบินในตลาดพบว่าส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินที่มีเทคโนโลยีที่ไม่ค่อนทันสมัย โดยเรื่องการจัดหาเครื่องบินขณะนี้จึงมีการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
โดยแผนเช่าเครื่องบินดังกล่าว “ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เคยออกมาระบุถึงความจำเป็นว่า การบินไทยจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินเช่าจำนวน 8 – 10 ลำ เพื่อทดแทนฝูงบินที่ปลดระวางจำนวน 9 ลำ โดยก่อนหน้านี้การบินไทยได้เจรจาจัดหาเครื่องบินเช่าไปแล้ว แบ่งเป็น B777-300ER จำนวน 3 ลำ และ B787 จำนวน 6 ลำ แต่การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ และมีสายการบินอื่นได้ทำการเจรจาจัดหาไปก่อน ทำให้ดีลการเจรจาในส่วนนี้ต้องยกเลิกออกไป
อย่างไรก็ดี การบินไทยมีความจำเป็นที่ต้องเร่งจัดหาฝูงบินดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบกับกลยุทธ์การขายตั๋วแบบ Network และการสร้างไทยเป็นฮับการบิน เนื่องจากกลยุทธ์นี้จำเป็นต้องมีเครื่องบินลำตัวกว้าง และลำตัวแคบในจำนวนที่สอดคล้องกัน เพื่อให้สามารถขนถ่ายผู้โดยสารเชื่อมต่อกันได้ ดังนั้นการบินไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเครื่องบินรุ่นลำตัวกว้าง (Wide Body)
โดยเบื้องต้นจะเป็นการเช่าระยะสั้นประมาณ 6 ปี หากสามารถเจรจาได้ข้อยุติในปีนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 6 นับจากนี้ หรือประมาณกลางปี 2569 จึงจะสามารถรับมอบเครื่องบินจำนวนนี้ และให้บริการได้ แต่หากการบินไทยไม่สามารถเช่าเครื่องบินลำตัวกว้างครั้งนี้ได้ จะส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างเครื่องบินลำตัวแคบ และลำตัวกว้าง
เนื่องจากขณะนี้การบินไทยทยอยรับมอบเครื่องบินลำตัวแคบรุ่น A321 Neo ซึ่งมีกำหนดรับมอบเข้ามาถึง 17 ลำ หากไม่มีเครื่องบินลำตัวกว้างมาเสริมแทนที่ปลดระวางจำนวนประมาณ 10 ลำ จะทำให้กระทบต่อแผนกลยุทธ์การขายตั๋วแบบ Network และการสร้างไทยเป็นฮับการบิน
รายงานข่าวจากการบินไทย เผยว่า ที่ประชุมบอร์ดการบินไทย เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ตัดสินใจอนุมัติแผนเช่าเครื่องบินตามที่ฝ่ายบริหารเสนอ ซึ่งมีการเสนอเช่าส่วนของแอร์บัส A330-200 และโบอิ้ง 787-8 ซึ่งบอร์ดมีความเห็นว่าเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีเทคโนโลยีที่ไม่ทันสมัย อาจทำให้การบินไทยไม่คุ้มค่าและต้องเสียค่าบำรุงรักษา เนื่องจากเป็นเครื่องบินเก่าแล้ว
อย่างไรก็ดี บอร์ดจึงอนุมัติให้มีการไปจ้างบริษัทที่ปรึกษาภายนอก เพื่อเข้ามาศึกษาความเหมาะสมของการเช่าเครื่องบินส่วนนี้ รวมไปถึงทบทวนแผนฝูงบินทั้งหมดของการบินไทย จากที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไว้ว่าจะมีฝูงบินรวม 150 ลำ ซึ่งเป็นแผนระยะยาวของบริษัท โดยบอร์ดต้องการให้ทบทวนถึงความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการอนุมัติจัดหาเครื่องบินของการบินไทยที่จะล่าช้าออกไป จะส่งผลกระทบต่อแผนดำเนินงานในปีหน้าอย่างชัดเจน เนื่องจากในช่วงปี 2569 จะมีฝูงบินลำตัวกว้างทยอยปลดระวางรวม 10 ลำ ทำให้จะคงเหลือฝูงบินลำตัวกว้างจำนวน 47 ลำ จากปัจจุบันที่มี 58 ลำ ซึ่งจะส่งผลกระทบทันทีต่อขีดความสามารถ หรือ Capacity ของการบินไทยลดลง และส่งผลให้รายได้หายไป







