'พลังงาน' แถลงโครงการใหญ่โซลาร์ชุมชนดันลงทุน 3 หมื่นล้าน 1.5 พันเมกะวัตต์ ทั่วประเทศ

รัฐบาลเดินหน้า “โครงการไฟฟ้าชุมชน” และ “โซล่าสูบน้ำ” ลดค่าไฟ–ลดค่าครองชีพทั่วประเทศ กระจายการลงทุนตั้งเป้าโซลาร์ฟาร์มสู่ท้องถิ่น 1,500 เมกะวัตต์ ครอบคลุม 1.2 ล้านครัวเรือน ลดค่าไฟ 40-80 สต.ต่อหน่วย พร้อมดันลงทุน 3 หมื่นล้าน “อรรถพล” จ่อทบทวนค่าไฟงวด ม.ค.อาจลดต่ำลงกว่างวดปัจจุบัน ขอดูต้นทุนภาพรวมก่อน
KEY
POINTS
- รัฐบาลเดินหน้า “โครงการไฟฟ้าชุมชน” และ “โซล่าสูบน้ำ” ลดค่าไฟ–ลดค่าครองชีพทั่วประเทศ
- กระจายการลงทุนตั้งเป้าโซลาร์ฟาร์มสู่ท้องถิ่น 1,500 เมกะวัตต์ ครอบคลุม 1.2 ล้านครัวเรือน ลดค่าไฟ 40-80 สต.ต่อหน่วย
- พร้อมดันลงทุน 3 หมื่นล้านในส่วนที่เกี่ยวข้อง
- “อรรถพล” จ่อทบทวนค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.อาจลดต่ำลงกว่างวดปัจจุบัน ขอดูต้นทุนภาพรวมก่อน
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวภายหลังประชุมหารือ เรื่อง “โครงการไฟฟ้าชุมชน ลดค่าไฟให้ประชาชน” โดยนายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลเตรียมผลักดันโครงการไฟฟ้าชุมชนเพื่อช่วยลดค่าไฟและต้นทุนการดำรงชีพของประชาชนทั่วประเทศ
นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้เสนอโครงการไฟฟ้าชุมชน ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ โดยดำเนินการร่วมกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง
“เราจะกระจายการลงทุนไปในชุมชนย่อย ๆ ให้แต่ละพื้นที่มีโซลาร์ฟาร์มเป็นของตนเอง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะรับผิดชอบด้านการส่งกระแสไฟฟ้าในราคาพิเศษให้กับชุมชนนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าไฟของประชาชนโดยตรง” นายอนุทินกล่าว
ซึ่งยังมี “โครงการโซล่าสูบน้ำ” เพื่อสนับสนุนระบบชลประทานและประปาหมู่บ้านทั่วประเทศ ช่วยลดต้นทุนการผลิตน้ำประปา และลดค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคของประชาชน พร้อมทั้งกระจายการลงทุนสู่ท้องถิ่น สอดคล้องกับนโยบาย “ควิก บิ๊กวิน” (Quick Big Win) ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมให้กับประชาชนในระยะสั้น
ทั้งนี้โดยโครงการดังกล่าวไม่เพียงช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ แต่ยังเป็นการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ กระจายรายได้สู่ชุมชน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า โครงการด้านไฟฟ้าที่จะลดค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันจันทร์ที่ 27 ต.ค. และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันอังคารที่ 28 ต.ค.นี้ โดยจะใช้งบประมาณจากกองทุนพลังงานประมาณ 500-600 ล้านบาท จากวงเงินที่เตรียมไว้ ประมาณ 900 ล้านบาท
โดยทั้ง 2 โครงการ 1.โครงการไฟฟ้าชุมชน (โซลลาร์เพื่อชุมชน) โดยโครงการจะกระจายเป็นโครงการย่อยในแต่ละชุมชน ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ต่อชุมชน อาจเป็น 5 หรือ 8 เมกะวัตต์แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละชุมชน เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อไฟฟ้ารวมกันได้ในราคาที่เหมาะสม โดย กฟภ.จะรับผิดชอบด้านการขนส่งไฟฟ้าและจัดให้มีราคาพิเศษแก่ชุมชน สามารถลดค่าไฟให้ประชาชนในพื้นที่ที่เข้าโครงการได้ 40-80 สตางค์ต่อหน่วย
โดยโครงการนี้จะดำเนินการทั้งหมด 1,500 เมกะวัตต์ โดยมีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 1.2 ล้านครัวเรือน นอกจากนั้นจะทำให้มีมูลค่าการลงทุนในโซลาร์ฟาร์มประมาณ 30,000 ล้านบาท และลดคาร์บอนได้ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี
2.โครงการสูบน้ำเพื่อเกษตรกรและชุมชน โดยรมว.พลังงาน กล่าวต่อว่าโครงการนี้มุ่งเน้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำเพื่อเกษตรกรรมและประปาหมู่บ้าน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการครองชีพของประชาชน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ
โดยโครงการนี้มีเป้าหมายการดำเนินการให้กับพื้นที่ชุมชนเกษตรกรประมาณ 200 แห่ง ประปาหมู่บ้าน ประปาชุมชนประมาณ 5,000 แห่ง ครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 700,000 ครัวเรือน ลดคาร์บอนได้ 200,000-300,000 ตันต่อปี
สำหรับโครงการการส่งเสริมการติดตั้ง Solar Rooftop ในบ้าน อยู่อาศัยด้วยมาตรการภาษีที่เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลจะออกมานั้นตอนนี้ รอประกาศกรมสรรพสามิต จากกระทรวงการคลังออกมาเพื่อบังคับใช้ได้เป็นทางการเพื่อให้ลดภาษีได้ตามที่ ครม.เคยอนุมัติไว้แล้ว
ขอดูข้อมูลต้นทุนก่อนลดค่าไฟ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าในของรัฐบาลจะมีการลดค่าไฟฟ้าลงจากปัจจุบัน 3.94 บาทต่อหน่วยหรือไม่ นายอรรถพลกล่าวว่าค่าไฟฟ้าจะมีการปรับรอบละ 4 เดือน โดยรอบถัดไปคือเดือน ม.ค.- เม.ย.2569 นายอรรถพลยืนยันว่า ขณะนี้กำลังเร่งศึกษาปัจจัยต้นทุนหลายด้าน และได้แจ้งในเบื้องต้นว่ารอบถัดไปจะตรึงไว้ไม่ให้สูงกว่ารอบปัจจุบันอย่างแน่นอน ส่วนจะสามารถลดได้หรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการศึกษา







